“หมอเสริฐ” นำทัพ “เจ้าสัว” เดินหน้าสนามบิน “อู่ตะเภา”

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้เอง (23 มิ.ย.) กลุ่มกิจการร่วมค้า BBS ผู้ได้รับสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกจากรัฐบาลได้ออกมาแถลงถึงความมั่นอก มั่นใจและความพร้อมที่จะลงทุนในโครงการนี้โดยไม่หวาดหวั่นกับภาวะเศรษฐกิจที่หลายๆฝ่ายคาดว่าจะยํ่าแย่เพราะพิษโควิด-19

ยกทีมมาทั้ง “เจ้าพ่อบางกอกแอร์เวย์ส” หรือ “หมอเสริฐ” นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ และ “เจ้าพ่อรถไฟฟ้าบีทีเอส” หรือเจ้าสัว คีรี กาญจนพาสน์ รวมถึงผู้แทนของ บริษัท ซิโนไทย เอ็นจีเนียริ่งฯ พรั่งพร้อมเต็มอัตราศึก

โดยเฉพาะ “หมอเสริฐ” ที่วางเข็มฉีดยามาทำสนามบินสมุย และเปิดสายการบินบางกอกแอร์เวย์สไปสมุยจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจการบิน และกลายเป็นมหาเศรษฐีประเทศไทยอันดับที่ 11 ของ ฟอร์บส์ ปีล่าสุด กล่าวอย่างหนักแน่นว่า

“แม้ขณะนี้จะมีเรื่องโควิด-19 แต่กว่าจะก่อสร้างและเปิดสนามบินในปี 2567 เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อโครงการซึ่งมีการวางแผนงานที่เหมาะสม ส่วนการบริการด้านเที่ยวบินต่างๆ นั้น บางกอกแอร์เวย์ส มีพันธมิตรประมาณ 100 สาย เชื่อว่าหากชวนเขาก็พร้อมจะมาใช้อู่ตะเภา”

สำหรับเจ้าสัว คีรี กาญจนพาสน์ มหาเศรษฐีอันดับ 14 ของไทยปีล่าสุดเช่นกัน ก็กล่าวด้วยนํ้าเสียงที่แสดงถึงความมั่นอกมั่นใจในอภิมหาโครงการนี้อย่างเปี่ยมล้นว่า

“ผมมีความเชื่อมั่นในพันธมิตรบางกอกแอร์เวย์สที่เชี่ยวชาญด้านการบินและโอกาสของเมืองการบิน ดังนั้น จึงมั่นใจว่าผลตอบแทนให้รัฐที่ 3.055 แสนล้านบาท เป็นราคาที่ถูกต้องแน่นอน”

“ครั้งนี้เป็นการพูดครั้งแรกของเอกชน เพราะตอนประมูลไม่ได้รับอนุญาตให้พูด ซึ่งโครงการนี้มีประโยชน์กับประเทศมาก เพราะจะมีทั้งการลงทุนสนามบิน เมืองการบิน ดิวตี้ฟรี เขตการค้าเสรี ฯลฯ ผมขอยืนยัน ถึงความพร้อมด้านการเงิน บุคลากร จะทำให้โครงการสำเร็จแน่นอน”

ดังที่ผมเขียนกราบเรียนท่านผู้อ่านเสมอๆ ว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจช่วงนี้จะแย่ไปทั้งโลก รวมทั้งเราด้วย อันเป็นผลจากโควิด-19…แต่เราจะท้อแท้หรือสิ้นหวังไม่ได้อย่างเด็ดขาด จะต้องฮึดสู้กันต่อไปเพื่อหาทางฟื้นฟูเศรษฐกิจของเราให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็วให้จงได้

เมื่อภาคเอกชนระดับแนวหน้าของเรายังพร้อมที่จะสู้เช่นนี้ ผมก็ขอให้กำลังใจอย่างเต็มที่

โดยส่วนตัวของผมไม่ค่อยชอบโครงการประเภท อภิมหาโปรเจกต์ เท่าไรนัก เพราะแม้จะทำให้ GDP ของประเทศสูงขึ้นเร็วก็จริง (ถ้าประสบความสำเร็จ) แต่ก็จะทำให้ช่องว่างหรือความเหลื่อมลํ้าสูงขึ้นด้วย เพราะผลของโครงการประเภทนี้จะไม่กระจายไปถึงคนส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม โครงการในลักษณะนี้ก็มีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อดึงรายได้ส่วนรวมให้สูงขึ้นเอาไว้ก่อน…ส่วนการกระจายรายได้ หรือการแก้ปัญหาความเหลื่อมลํ้าค่อยคิดอ่านหาทางแก้ไขกันไป

โดยทางรัฐบาลจะต้องมีโครงการอื่นๆ ที่มีผลในการกระจายรายได้ ไปถึงมือประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริงควบคู่ไปด้วย

ดังเช่นใน ยุคป๋าเปรม ที่มีการสร้างตัวอย่างไว้แล้วว่า เมื่อจะเดินหน้า การพัฒนาโครงการพัฒนาชายฝั่งตะวันออก เพื่อเพิ่ม GDP ท่านก็จัดให้มี โครงการพัฒนาชนบทยากจน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนของพี่น้องชนบทไปพร้อมๆ กัน

ดังนั้น ผมจึงขอเอาใจช่วย ขอให้โครงการอันยิ่งใหญ่ที่มี คุณหมอเสริฐ และ เจ้าสัวคีรี เป็นหัวหอกใหญ่ดังกล่าวนี้จงประสบความสำเร็จสมดังเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกประการ

แม้จะห่วงมากเพราะไม่แน่ใจว่าอนาคตของธุรกิจการบินของโลกจะเป็นอย่างไร? การท่องเที่ยวจะกลับมาแบบเดิมชนิดผู้คนมาเที่ยวประเทศไทยจนล้นสุวรรณภูมิก็ดี ดอนเมืองก็ดี หรือสนามบินอื่นๆ ก็ดีไม่สามารถรองรับได้อีกหรือไม่?

แต่ก็เอาเถอะครับ “หมอเสริฐ” ท่านดวงดี ถูกโฉลกกับเรื่องสนามบิน ไปทำสนามบินที่ไหนก็เจริญที่นั่น…ผมก็หวังว่าท่านจะทำให้ “อู่ตะเภา” ประสบความสำเร็จอีกแห่งหนึ่ง

สู้สู้ครับ ทุกๆ อาเสี่ย และทุกๆ เจ้าสัวที่จับมือกันประมูล โดยจะให้ ประโยชน์แก่รัฐบาลไทยถึง 3.055 แสนล้าน และควักทุนตนเองกว่า 2.7 แสนล้านบาท สำหรับโครงการนี้…ใจถึงจริงๆ พับผ่าซี!

“ซูม”