เรื่องของคนชื่อย่อ “ป.ปลา” “ประวิตร”+”ปรีดี”+”ประสาร”

ช่วงนี้คนที่มีชื่อย่อเป็นตัวอักษร “ป.ปลา” กำลังมาแรงครับ ตกเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เกรียวกราวหลายๆ คนทีเดียว

ป.แรกเลยก็คือ “ป.ป้อม” หรือ “ป.ประวิตร” ที่มีชื่อเต็มยศว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีนั่นแหละครับ

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ท่านยอมรับเทียบเชิญจากแกนนำพรรคพลังประชารัฐ และไปปรากฏตัวที่ศูนย์ประชุมพรรค เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมกับประกาศยอมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งจะมีการเสนอชื่อท่านในวันเสาร์ที่ 27 มิถุนายนนี้

โดยให้เหตุผลว่า เพราะอยากให้พรรคเกิดความสมัครสมานสามัคคี มีความเป็นปึกแผ่น เป็นหนึ่งเดียวกัน และไม่แตกแยกเพื่อเป็นกำลังหลัก ในการทำงานให้กับรัฐบาลต่อไป

จากนั้นก็มีการถ่ายภาพร่วมกับแกนนำพรรคกลุ่มที่ส่งเทียบเชิญ รวมทั้งสิ้น 12 ราย จับมือสอดประสานแบบไขว้อย่างแนบแน่น แบบเดียวกับผู้นำ อาเซียน หรือผู้นำกลุ่มเศรษฐกิจสำคัญๆ ของโลก หลังประชุมเสร็จแล้ว

โดยมีพลเอกประวิตร เป็นไข่แดงคนที่ 13 ยืนอยู่กลางสุด และทั้ง 13 ใบหน้าในภาพล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริงกันอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ภาพหมู่ที่ลงหน้า 1 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในวันรุ่งขึ้น ไม่มีรักษาการหัวหน้าพรรค อุตตม สาวนายน และรักษาการเลขาธิการพรรค สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รวมอยู่ด้วย ดังที่หลายๆ ฝ่ายคาดหมายไว้อยู่แล้ว

สำหรับผมเมื่อทั้งดูภาพและอ่านข่าวจบแล้ว ก็ได้แต่ภาวนาขอให้คำพูดที่เป็นเหตุผลในการยอมรับตำแหน่งหัวหน้าของบิ๊กป้อม จงเป็นจริงตามนั้นเถิด

จริงอย่างที่ท่านบอกว่า ท่านรับเพราะต้องการให้พรรคเกิดความสมัครสมานสามัคคี มีความเป็นปึกแผ่น เป็นหนึ่งเดียวกัน

คำว่าสมัครสมานสามัคคีในที่นี้ ขอให้รวมถึงอดีตแกนนำของพรรคที่ตอนนี้น่าจะเป็นแกนนำเสียงข้างน้อยที่ไม่ได้มาถ่ายรูปด้วย…ด้วยนะครับ

อย่าสามัคคีเฉพาะกลุ่มที่ถ่ายรูปเท่านั้น แล้วไปแตกสามัคคีกับกลุ่มที่ไม่ได้มาถ่ายรูปจนเละตุ้มเป๊ะไปหมดเข้าให้ล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล…มิใช่กำลังหลักของรัฐบาลอย่างที่บิ๊กป้อมตั้งใจไว้

อย่างที่เราทราบกันดีว่า “ภารกิจ” นับจากนี้เป็นต้นไป อันได้แก่การลงมือฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ซวดเซอย่างมากของประเทศไทยกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

ใช้ตามสำนวนของนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ยุคก่อนก็ต้องกล่าวว่า “ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก” หนักกว่าสงครามเศรษฐกิจยุค “ต้มยำกุ้ง” หลายเท่า และหนักกว่ายุคลดค่าเงินบาท “วันลอยกระทง” ในยุคป๋าเปรมหลายๆ เท่าเช่นกัน

ดังนั้น ทุกๆ ฝ่ายในประเทศไทย ตั้งแต่รัฐบาล ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนจะต้องร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง โดยมีรัฐบาลเป็นแกนหลัก

ผมดูบุคคลในภาพแล้ว มองไม่เห็นว่าจะมีใครมาเป็นมันสมอง หรือมือขวาในการเป็นแม่ทัพเศรษฐกิจให้แก่บิ๊กตู่ได้เลย

และที่บิ๊กตู่บอกว่าจะไม่ปรับ ครม. จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรนั้น เอาเข้าจริงคงยากและต้องเปลี่ยนแน่ๆ โดยเฉพาะต้องเปลี่ยนขุนพลด้านเศรษฐกิจด้วย ตีความจากภาพหมู่ที่ขึ้นหน้า 1 ครั้งนี้

ทำให้อักษร “ป.ปลา” ที่ 2 กลายมาเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยเช่นกัน ได้แก่ ป.ปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย และ ประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย นักการธนาคารชื่อดังที่มีข่าวว่า “บิ๊กตู่” ไปทาบทามแล้ว แต่ท่านก็ปฏิเสธไปเสียแล้ว

ถ้าเป็น ป.ปลานี้จริง ผมก็ว่า โอเคนะ เพราะเคยสัมภาษณ์ พูดคุยกับท่านมาหลายครั้ง ถือเป็นแบงเกอร์รุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความชำนาญ และประสบการณ์มากพอตัวคนหนึ่งทีเดียว

แต่เมื่อ ป.ปรีดีปฏิเสธไปแล้วตามข่าวก็ทำให้ผมนึกถึงอีก “ป.” ขึ้นมาติดหมัดไม่ทราบว่า บิ๊กตู่เคยทาบทามแล้วหรือไม่?

ป.ปลา ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติไงครับ… ถ้าท่านยอมรับและเมื่อมารับหน้าที่แล้ว บรรดาบุคคลทั้ง 12 คนที่ถ่ายภาพกับ ป.ประวิตร ที่ผมเอ่ยถึงตอนต้นไม่มาวอแวกับท่าน ให้ท่านทำงานได้โดยสะดวกละก็

ผมว่า ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล จะเป็นขุนพลเศรษฐกิจคนใหม่ที่ดี เพราะท่านมีบารมีมากพอที่จะทำให้ภาคเอกชนเชื่อมั่นแน่ๆ…ลองทาบทาม ป.นี้ดูนะครับ บิ๊กตู่ครับ.

“ซูม”