ได้เวลา “นักรบเศรษฐกิจ” จาก “ห้าง” ถึง “มหาเศรษฐี”

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันเปิดห้างวันแรก ผมตั้งใจว่าจะไปเดินเอาฤกษ์เอาชัยเสียหน่อยตามประสานักเดินห้างคนหนึ่ง แต่พออ่านข่าวว่าจะต้องพกโทรศัพท์มือถือไปสแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะดอทคอม” ซะก่อน ผมก็เลยเปลี่ยนใจ

ผมเป็นคนสอบตกเรื่องเทคโนโลยีครับ ทำโน่นทำนี่อะไรกะเขาไม่เป็น กลัวว่าจะไปทำอะไรเปิ่นๆ เชยๆ ให้เด็กรุ่นหลังหัวเราะเยาะเสียเปล่าๆ

ก็เลยตัดสินใจอยู่กับบ้านนั่งลุ้นหน้าจอทีวีดูข่าวไปพลางๆ ว่า ผลการเปิดห้างวันแรกเป็นอย่างไร? ผู้คนไปอุดหนุนหนาตาแค่ไหน?

ซึ่งก็ปรากฏว่า หลายๆ ช่องรายงานตรงกัน มีผู้คนไปยืนเข้าคิวยาว พอสมควรหน้าห้างดังๆหลายๆห้าง ก่อนเวลาห้างเปิดเสียด้วยซํ้า

แต่สถานการณ์ตลอดทั้งวันจะเป็นอย่างไร? และการจำหน่ายสินค้า ต่างๆ เป็นอย่างไร? คงต้องรอติดตามรายละเอียดกันต่อไปครับ

สำหรับผมเองนั้น ได้เขียนไว้ตั้งแต่ฉบับเมื่อวานแล้วว่า ขอเอาใจช่วยห้างต่างๆ เต็มที่…ให้ขายดิบขายดี เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่นักลงทุนเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่เปรียบเสมือนหน่วยรบด้านเศรษฐกิจหน่วยแรก หรือกองหน้าในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 โดยตรง

ถ้าสินค้าในห้างขายดี โรงงานผลิตสินค้าต่างๆ ส่งห้างก็จะพลอยขายได้ สามารถเปิดโรงงานใหม่ได้เร็ว…เมื่อโรงงานกลับมาเปิดใหม่ได้เร็วเท่าไร ผู้คนที่ตกงานอยู่ก็จะได้กลับมาทำงานเร็วเท่านั้น

เมื่อคนเรากลับมาทำงานได้ ก็จะมีเงินใช้จ่าย ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเป็นระลอกๆ ต่อไปอีก

เหตุที่ผมนั่งเอาใจช่วยห้างทั้งหลายอยู่ในขณะนี้ จึงมิใช่เพียงเอาใจช่วยบรรดาเจ้าของห้างซึ่งรวยอยู่แล้วเท่านั้น…แต่สุดท้ายปลายโต่งแล้วก็คือการเอาใจช่วยไปถึงลูกจ้างในห้าง ลูกจ้างในร้านขายของต่างๆ… ตลอดจนโรงงานที่ผลิตของมาส่งห้างต่างๆ ซึ่งน่าจะมีหลายๆ แสนคน ได้มีงานทำกันอีกครั้งนั่นเอง

ทุกวันนี้ธุรกิจห้างมีปัญหาอุปสรรคมากมาย เพราะต้องแข่งกับการช็อปปิ้งออนไลน์ทั้งหลายจนที่ต่างประเทศนั้นห้างใหญ่ๆ ต้องปิดตัว ไปเยอะ เพราะขายสู้ออนไลน์ไม่ได้

ห้างไทยก็ต่อสู้ดิ้นรนมาตลอด ขนาดไม่เจอโควิดก็เหนื่อยอยู่แล้ว พอมาเจอโควิดเข้าด้วย แค่หยุดหรือปิดห้างก็เสียหายไปจำนวนหนึ่ง ยังต้องมาลงทุนเพิ่มเติมซื้อเครื่องโน่นเครื่องนี่เพื่อสุขภาพอนามัยและความปลอดภัย ฯลฯ เข้าให้อีก

ไม่มีทางหรอกครับที่จะฟื้นทุน ทำกำไรได้ในระยะสั้นๆ

นี่คือเหตุผลที่ผมตั้งใจเขียนให้กำลังใจนักลงทุนเจ้าของห้างใหญ่ น้อยทั่วประเทศไทย…ขอให้ขายได้พอสมควรเพื่อที่จะยืนหยัดและ

ฝ่าวิกฤติช่วงนี้ไปให้ได้ก่อน กำรี้กำไรค่อยไปว่ากันวันหลัง

ยํ้าอีกครั้งว่า ศึกฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 นั้นใหญ่หลวงนัก และไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำได้สำเร็จในเวลารวดเร็ว…ต้องอาศัยกำลังใจ ต้องอาศัยความอดทน ต้องอาศัยฝีไม้ลายมือและความสามารถ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนในการกอบกู้ครั้งนี้

น่ายินดีครับที่นักธุรกิจชั้นแนวหน้าของประเทศ 20 คนที่ได้รับจดหมายจาก “บิ๊กตู่” ส่วนใหญ่ได้ตอบในเชิงสร้างสรรค์รับปากจะทำโน่นนี่หลายอย่างในส่วนของตนเพื่อผ่อนแรงรัฐบาล

รวมทั้งเศรษฐีอีกจำนวนมากที่ประกาศจะยืนหยัดสู้ และพร้อมที่จะสู้แม้จะไม่ได้รับจดหมายจากบิ๊กตู่ก็ตาม

ถ้าดูจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ทั้งหมดที่ เราสะสมไว้ (ปี 2562 รวม 16.8 ล้านล้านบาท) ผมเชื่อเหลือเกินว่า

เราสามารถรับผลกระทบ ซึ่งแม้จะรุนแรงมากได้อย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่า GDP ที่ว่านี้ไปอยู่ในมือของ “คนกลุ่มน้อย” ของประเทศ คือคนรวย “กระจุก” หนึ่งเท่านั้น

“ชัยชนะ” ของประเทศไทยโดยสมบูรณ์จึงขึ้นอยู่กับคนรวยกระจุกที่ว่านี้ว่าเขาจะยอมควักออกมาช่วยกู้เศรษฐกิจของชาติในรูปแบบ ใดๆ กันบ้าง

ขอบคุณที่หลายๆ คนบอกว่าพร้อมแล้ว และหลายๆ คนก็ให้สัญญากับบิ๊กตู่ไปแล้ว อย่าลืมคำมั่นสัญญาเสียล่ะ พวกผมจะคอยติดตามทวงถามบ่อยๆ และเรื่อยๆ…อย่ารำคาญก็แล้วกันนะครับ.

“ซูม”