เห็นด้วยเศรษฐีช่วยชาติ แต่..ควรมากกว่า 20 คน

กลายเป็นดราม่าถกเถียงกันอีกแล้วครับ หลังจากออกมาแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ สรุปสถานการณ์และการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของบิ๊กตู่เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะประเด็นที่ท่านบอกว่า สัปดาห์หน้าท่าน “จะออกจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศไทย 20 ท่าน ขอให้ท่านเหล่านั้นได้บอกตนว่า ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของสังคม จะร่วมลงมือช่วยประเทศไทยของเราให้มากขึ้นอย่างไรบ้าง?”

“เพราะท่านทั้งหลายล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจประเทศ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ขอให้มีบทบาทร่วมช่วยเหลือประเทศ ร่วมเป็นทีมประเทศไทยกับเรา รู้ว่าทุกท่านเต็มใจในช่วงเวลาที่ประเทศต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด”

“เพราะรู้ว่าความเดือดร้อนของคนไทยคือ ความเจ็บปวดของท่านด้วย ขอให้ทุกท่านแบ่งปันความสามารถและความฉลาดหลักแหลม รวมทั้งมุมมองอันมีวิสัยทัศน์ ใช้องค์กรที่มีศักยภาพสูงของท่านมาช่วยจัดการกับวิกฤติที่เรากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้”

ผมขออนุญาตคัดลอกจากข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับเมื่อวานนี้ ซึ่งถอดจากแถบบันทึกเสียงคำแถลงของบิ๊กตู่มาลงให้อ่านอีกครั้ง

เหตุเพราะหลังจากที่ท่านพูดออกไปแล้ว ก็กลายเป็นดราม่าในโลกโซเชียล มีคนที่ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด หรืออาจจะฟังได้ศัพท์อยู่แล้ว แต่ไม่ชอบหน้าบิ๊กตู่ เอาไปโพสต์ข้อความตั้งแต่เยาะเย้ยบ้าง, ปรามาสบ้าง ไม่เห็นด้วยกับการที่ท่านจะไปขอร้องภาคเอกชน

สำหรับผมเห็นด้วยกับบิ๊กตู่ในแง่ความคิดครับ ว่าถูกต้องทุกประการที่จะขอร้องให้ภาคเอกชนมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19

แต่ไม่เห็นด้วยที่ท่านจะมีจดหมายไปขอความร่วมมือแค่มหาเศรษฐี 20 คน เพราะจริงๆ แล้ว คงจะต้องขอเป็นร้อยๆ พันๆ คนให้มาช่วยกันทั้งหมด

ถ้าท่านผู้อ่านจำได้ผมเขียนเกริ่นไว้หลายครั้งแล้วว่า การถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลกหลังโควิด-19 นั้นหนักหนาที่สุด นับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกตํ่าครั้งใหญ่ที่สุดของโลก (The Great Depression) เมื่อตอน 1930 หรือ 2473 เป็นต้นมา

แม้ผมจะมั่นใจว่าความร้ายแรงคงไม่ถึงปี 1930 แต่มันก็จะเจ็บปวดอย่างชนิดที่ชาวโลกและชาวไทยยุคนี้ ไม่เคยประสบมาก่อน เพราะเศรษฐกิจถดถอยยุคต้มยำกุ้งก็ดี หรือช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินของสหรัฐฯ ก็ดี จะเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลยหากเทียบกับเศรษฐกิจหลังโควิด-19

ผมเขียนล่วงหน้าไว้แล้วว่า ในช่วงแรกๆ นั้น ผู้ที่จะทำหน้าที่สู้รบกับเจ้าโควิด-19 แทนเรา คือกองทัพของ “นักรบเสื้อกาวน์” หรือ “นักรบเสื้อขาว” คุณหมอ คุณพยาบาล และอาสาสมัครสาธารณสุขทั้งหลาย เพื่อช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย และเพื่อหยุดการระบาดของไวรัสวายร้ายลงให้ได้

หลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของนักรบอีกชุดหนึ่ง ที่จะต้องเข้ามาทำหน้าที่ด้วยการใช้ความรู้ ความสามารถ ความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ทรุดลงอย่างใหญ่หลวงให้กลับคืนมา

นั่นก็คือ “นักรบเศรษฐกิจ” ภาครัฐบาล ที่ผมเขียนถึงไว้แล้วว่า จะต้องร่วมมือกับ “นักรบเศรษฐกิจภาคเอกชน” อย่างแข็งขัน

ภาครัฐบาลเขาเตรียมมาตรการและเตรียมเงินไว้แล้ว 1.99 ล้านล้านบาท ที่จะนำมาใช้ทั้งในการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจต่างๆ

แต่ไม่น่าจะพอหรอกครับ เพราะผลที่เกิดขึ้นมันใหญ่หลวงเหลือเกิน…ภาคเอกชนที่พอช่วยได้จะต้องเข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่ง

แน่นอนภาคเอกชนจำนวนไม่น้อย ที่อาจจะต้องล้มครืนเลิกกิจการปิดกิจการไปเพราะโควิด-19 แต่ก็น่าจะมีภาคเอกชนที่แข็งแกร่งอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ที่จะสามารถช่วยภาครัฐได้ซึ่งในมุมมองของบิ๊กตู่ก็คือ มหาเศรษฐี 20 ท่าน ที่บิ๊กตู่จะมีจดหมายไปถึงนั่นเอง

ผมจึงไม่เห็นว่าบิ๊กตู่จะผิดตรงไหนเลย…ในทางทฤษฎี และในข้อเท็จจริงถือเป็นเรื่องถูกต้องและควรปรบมือให้ท่านด้วยซ้ำ

ถ้าจะผิดอยู่บ้างก็ตรงที่ท่านจะขอแค่ 20 คนนั่นแหล่ะ เพราะถ้าเป็นผม ผมจะขอมากกว่านี้ คือขอไปที่เศรษฐีกลุ่ม 10 เปอร์เซ็นต์ข้างบน ที่สภาพัฒน์รายงานว่า ตักตวงรายได้ประชาชาติไปถึง 50-60 เปอร์เซ็นต์มานานหลายปีแล้ว ทำให้รวยมากอยู่กลุ่มเดียวและทำให้ช่องว่างของประเทศ “ถ่าง” หรือ “ห่าง” ขึ้นเรื่อยๆ

ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วครับที่ท่านทั้งหลายจะลุกขึ้นมาทดแทนพระคุณแผ่นดินไทย ที่ทำให้ท่านร่ำรวยจนกลายเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ข้างบน ที่มีรายได้มากกว่าคนจนข้างล่างถึง 10 กว่าเท่าอยู่ทุกวันนี้.

“ซูม”