เศรษฐกิจโลกหลังโควิด ตัวแปรสำคัญชื่อ “ทรัมป์”

คงจำกันได้นะครับว่า เมื่อสัปดาห์แล้ว ไอเอ็มเอฟหรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยคุณคริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออกมาแถลงข่าวเศรษฐกิจโลกปีนี้จะถดถอยหนักที่สุด นับแต่ The Great Depression ปี ค.ศ.1930 เป็นต้นมา

เธอให้ตัวเลขรวมๆ เอาไว้เหมือนพาดหัวข่าวล่วงหน้าว่า จะมีถึง 170 ประเทศ ที่จะมีรายได้ต่อหัวติดลบ และยังพยากรณ์ล่วงหน้าว่า ปีหน้า 2021 เศรษฐกิจโลกจะฟื้นกลับมาเพียงบางส่วนเท่านั้น

ที่สำคัญการคาดการณ์ทั้งหลายทั้งปวงนี้ขึ้นอยู่กับสมมติฐานที่ว่า โควิด-19 จะหยุดอาละวาดกลางปีนี้ แต่ถ้าไวรัสมหาภัยตัวนี้ยังระบาดไม่หยุด ก้าวล่วงไปถึงปลายๆ ปี ผลลัพธ์ก็คงจะหนักหนาสาหัสกว่าเดิม

เมื่อวานนี้เอง คุณกิตา โกปินาธ (Gita Gopinath) หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจของไอเอ็มเอฟ ก็เปิดเผยตัวเลขรายละเอียดขยายความถ้อยแถลงของกรรมการผู้จัดการใหญ่ สรุปได้ว่าในภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลงไป 3 เปอร์เซ็นต์

ประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจทั้งหลายจะหดตัวหมด โดยเฉพาะสหรัฐฯ คาดว่าจะหดตัวถึง 5.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการติดลบสูงสุดนับแต่ปี 1946 เป็นต้นมา และคาดว่าอัตราการว่างงานของเมืองลุงแซม จะขึ้นไปอยู่ที่ 10.4 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้

อย่าลืมว่าวันเดียวกัน คุณกิตาเปิดเผยรายงานชิ้นนี้ สหรัฐฯ ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดของโลก ผ่านหลัก 6 แสนคนไปแล้ว และยอดเสียชีวิตก็เป็นอันดับ 1 ของโลกเช่นกัน อยู่ที่ประมาณ 26,000 ราย

สำหรับประเทศพัฒนาแล้วอีก 5 ประเทศในยุโรป ซึ่งก็เจอพิษโควิด-19 หนักไล่เลี่ยกันไปตามลำดับของยอดผู้ติดเชื้อนั้น เศรษฐกิจของ แต่ละประเทศก็จะติดลบค่อนข้างมากเช่นกัน…ได้แก่

สเปน -8.0 เปอร์เซ็นต์, อิตาลี -9.1 เปอร์เซ็นต์, ฝรั่งเศส -7.2 เปอร์เซ็นต์, เยอรมนี -7.0 เปอร์เซ็นต์ และ อังกฤษ -6.5 เปอร์เซ็นต์

สำหรับญี่ปุ่นที่เจอปัญหาไป 2 ระลอกนึกว่าคุมดีแล้ว กลับมาระบาดใหม่ต้องประกาศฉุกเฉินอีกรอบ…ไอเอ็มเอฟคาดว่าจะติดลบ 5.2

ในขณะที่ จีน ซึ่งติดเชื้อเป็นรายแรก แต่เอาอยู่ในที่สุด…เป็น 1 ในไม่กี่ประเทศที่ GDP จะยังเป็นบวก โดย +1.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราบวกที่ตํ่าสุดของจีนนับแต่ปี 1976 เป็นต้นมา

มาที่กลุ่มอาเซียนของเรา คุณกิตาพยากรณ์ว่าจะลบ 0.6 แต่ผมไม่มีโอกาสเห็นรายละเอียดว่าเธอประมาณเศรษฐกิจของไทยไว้อย่างไร? ติดลบมากน้อยแค่ไหน?

ท้ายที่สุด คุณ กิตา โกปินาธ ก็ฟันธงว่า ถ้าโควิด-19 หยุดระบาดภายในครึ่งปีนี้ และแต่ละชาติมีโอกาสลงมือฟื้นฟูได้เร็ว ปีหน้าทั้งปีพอจบ 2021 ทุกประเทศจะกลับมาบวกหมด มากบ้างน้อยบ้าง และของโลกจะบวก 5.8 เปอร์เซ็นต์จากฐานที่ปีนี้ลดลงไป

สำหรับผมมีความห่วงใยเป็นพิเศษ เกรงว่าเศรษฐกิจโลกอาจลากยาวและปีหน้าอาจจะยังไม่ฟื้น หรือไม่ก็ฟื้นน้อยกว่าที่ไอเอ็มเอฟคาดไว้

เพราะตัวแปรใหญ่จะอยู่ที่ 2 ประเทศ คือ จีนกับสหรัฐอเมริกา ที่ผมกังวลใจมากว่าอาจจะเปิดสงครามการค้ากันต่อไป หากประธานาธิบดีคนใหม่ของลุงแซม ที่จะเลือกปลายปีนี้ยังได้แก่ โดนัลด์ ทรัมป์คนเก่า

ผมวิเคราะห์จากที่คุณทรัมป์กระแหนะกระแหนจีนมาตลอด ตั้งแต่เรียกชื่อไวรัสอย่างจงใจว่า “ไวรัสจีน” บ้าง “ไวรัสอู่ฮั่น” บ้าง มาจนล่าสุดก็ประกาศไม่ส่งงบประมาณไปสนับสนุน WHO นับแต่นี้เป็นต้นไป โดยกล่าวหาว่า WHO ทำงานไม่สมศักดิ์ศรี ไม่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเข้าข้างจีน

ปั่นกระแสต่อต้านจีนในทุกจังหวะทุกโอกาสเท่าที่จะทำได้ จนทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า คุณทรัมป์น่าจะมีความในใจเกี่ยวกับจีนในเชิงลบอย่างยากที่จะเยียวยาแก้ไขได้

ไม่ใช่แค่โกรธจีนที่ค้าขายเอากำไรสหรัฐฯ ฝ่ายเดียวอันเป็นเหตุผลให้ลุกขึ้นมาประกาศสงครามการค้าครั้งที่แล้วเท่านั้น

ผมจึงห่วงว่าถ้าคุณทรัมป์ได้เป็นต่อ คงจะเล่นงานจีนในอีกสารพัดเรื่อง ไม่เพียงด้านเศรษฐกิจเท่านั้น อันจะเป็นผลให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจของโลกหลังโควิด-19 ไม่เป็นอย่างที่ไอเอ็มเอฟพยากรณ์ไว้

ประสากองเชียร์ที่อยากเห็นเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเร็วและอยากเห็นทุกประเทศทั่วโลกร่วมมือกันแก้ปัญหาทั้งของตนและของโลก โดยไม่เกี่ยงงอน หรือมีอคติ…ผมขออธิษฐานส่วนตัวนะครับ

เพี้ยง! ขอให้คุณทรัมป์สอบตกทีเหอะ จะบนหัวหมู 1 หัวใหญ่ๆ เลยทีเดียวเชียว.

“ซูม”