ไม่เชื่อมั่น “รัฐบาล” ไม่ว่ากัน แต่ต้องเชื่อมั่น “สาธารณสุข”

ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ช่วงบ่ายๆ วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2563 ครับ และสิ่งแรกที่ทำก็คือคลิกดูสถิติประจำวันนี้ขององค์การอนามัยโลก ว่าสถานการณ์ของไวรัสมหาภัยล่าสุดเป็นอย่างไรบ้าง

ที่น่าห่วงยังคงเป็น อิตาลี ครับ ยอดติดเชื้อพุ่งไป 21,157 รายแล้ว เฉพาะวันนี้วันเดียวเพิ่มขึ้นถึง 3,497 ราย ส่วนยอดเสียชีวิตรวมกัน 1,441 ราย โดยเสียวันนี้วันเดียวถึง 175 ราย

สำหรับยุโรปอื่นๆ ก็แรงขึ้นอยู่ตลอด สเปน แซงขึ้นเป็นอันดับ 5 พรวดวันเดียว 1,083 ราย และตาย 60 ราย เยอรมนี อันดับ 6 ฝรั่งเศส อันดับ 7 โดยของเยอรมนีตายไปแล้ว 8 ราย ของฝรั่งเศสตายแล้ว 91 ราย เฉพาะวันนี้วันเดียว เมืองน้ำหอมตายไป 12 ราย

สหราชอาณาจักร รวมอังกฤษด้วย ทะลุหลักพันขึ้นเป็น 1,140 ราย วันนี้วันเดียว 342 ราย ตายไปแล้ว 21 ราย วันนี้วันเดียวถึง 10 ราย

เกือบลืมรายงานซะแล้วว่าที่อเมริกาก็หนักมาก แตกตื่นทั้งประเทศ เพราะยอดติดเชื้อสูงถึง 2,499 ราย และเพิ่มวันเดียว 252 ราย ตายแล้ว 56 ราย เฉพาะวันนี้ 6 ราย

สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยของเรา ตัวเลขที่หยุดนิ่งมานานเริ่มขยับ และชักขยับเร็ว อย่างวันอาทิตย์ที่นั่งเขียนเพิ่มขึ้นอีก 32 ราย ยอดสะสมพุ่งทะลุหลักร้อยเป็น 114 รายแล้ว

อาจจะดูไม่มากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่เมื่อขยับเร็วและเริ่มมีคนดังติดเชื้อ คนไทยก็เลยตื่นตระหนกมากขึ้นไปอีก ระบายอารมณ์ใส่รัฐบาล โดยเฉพาะกรณีบริหารจัดการเรื่องหน้ากากอนามัยล้มเหลว กระหึ่มไปทั้งโซเชียล

พลอยหงุดหงิดไปถึงมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจต่างๆ เอาด้วยว่าบางมาตรการเหมือนจะเกาไม่ถูกที่คัน

ขาดความเชื่อถือ ขาดความเชื่อมั่นในหัวหน้ารัฐบาลและรัฐบาลโดยรวมไปตามๆ กันในนาทีนี้

สำหรับผมเองก็อย่างที่จั่วหัวเรื่องเอาไว้ว่า ไม่เชื่อมั่นรัฐบาลก็ไม่ว่ากัน เพราะหลายๆ เรื่องท่านก็ทำตัวเอง จนความเชื่อถือลดน้อยลง

แต่ในกรณีไวรัส “โควิด-19” เราจะต้องมีสักหน่วยงานหนึ่งที่เราพร้อมจะให้ความเชื่อถือ เชื่อมั่น โดยไม่มีข้อกังขา

นั่นก็คือกระทรวงสาธารณสุขทั้งกระทรวง ถ้าไม่เชื่อใจนักการเมือง ที่คุมกระทรวงนี้ ก็ขอให้เชื่อใจข้าราชการประจำตั้งแต่ท่านปลัดกระทรวงลงไปจนถึงสาธารณสุขจังหวัด อำเภอ ตำบล และ อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุข) ในระดับหมู่บ้าน

รวมทั้งบุคลากรด้านการแพทย์ การพยาบาล ฯลฯ ของคณะแพทยศาสตร์ต่างๆ และโรงพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ทุกแห่ง แม้จะมิได้สังกัดกระทรวงสาธารณสุขก็ตาม

เราจะเห็นได้ว่าการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรการแพทย์การพยาบาลทั้งหลายนั้นสมราคาอันดับ 6 ของโลก

ที่สับสนอลหม่านขณะนี้คือหน่วยอื่นๆ หรือกระทรวงอื่นๆ ต่างหากไล่ตั้งแต่กระทรวงที่ดูแลเรื่องหน้ากากอนามัย เรื่องแอลกอฮอล์ไปจนถึงหน่วยคัดกรอง หน่วยสกัดกั้นที่สนามบินต่างๆ ที่ค่อนข้างหย่อนยาน

ผมฟังท่านรองอธิบดี กรมควบคุมโรค คุณหมอ ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ ท่านให้สัมภาษณ์หลายครั้งทำให้เชื่อมั่นในการทำงานของท่าน ของกระทรวง สาธารณสุขและของคุณหมอคุณพยาบาลทั้งหลายทั่วประเทศ

แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา หรือตัวประชาชนชาวไทยทุกๆ คนนี่แหละครับ ว่าจะให้ความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขแค่ไหน

ถ้าเรามีวินัย เราควบคุมตัวเองได้ เวลาเป็นหวัดเป็นไข้ ไม่ว่าจะเป็นหวัดธรรมดา หรือติดเชื้อไวรัสตัวนี้ ขอให้คุมตัวเองไว้ก่อน

ไม่ออกไปสุงสิงกับคนอื่น ไม่จำเป็นอย่าไปในสถานที่แออัดหรือที่ที่มีคนเยอะๆ ถ้าจำเป็นเช่นต้องขึ้นรถตู้ รถเมล์ รถไฟฟ้า ขอให้สวมหน้ากากทุกครั้ง และถ้าสงสัยว่าเพราะไอหนักไข้หนักรีบไปหาหมอทันที

สำหรับประชาชนทั่วไปท่านยืนยันว่า “กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือบ่อยๆ” ยังใช้ได้เสมอ เพราะเชื้อตัวนี้มันไม่ติด เพราะฟุ้งอยู่ในอากาศ แต่จะติดเพราะมันเกาะอยู่ตามโต๊ะ ตามถ้วยชาม ตามราวบันไดเลื่อน ฯลฯ แล้วเราไปจับมันเผลอเอามือเข้าปากเข้าจมูก หรือขยี้ตาภายหลัง

ดังนั้น ล้างมือบ่อยๆ มีเจลใช้เจล ไม่มีก็ล้างน้ำฟอกสบู่ (ขยี้นานๆ หน่อยรับรองเชื้อตายหมด)…จึงช่วยได้มาก

ต้องเชื่อท่านครับ คือต้องไม่ตระหนก ไม่แตกตื่น ต้องมีวินัยปฏิบัติตามที่ท่านแนะ แล้วเราจะอยู่ได้และผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายครั้งนี้ไปได้ด้วยกันในที่สุด.

“ซูม”