ขอบคุณ 5 “หญิงเก่ง” คนไทยไม่มีวันลืมเธอ

ผมต้องไปงานเลี้ยงที่ปฏิเสธไม่ได้ ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้ดูการถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลหญิง ศึก “เอสโคล่าโตเกียว 2020 รอบคัดเลือกโซนเอเซีย” คู่ชิงชนะเลิศระหว่างทีมสาวไทยกับเกาหลีใต้จากสนามชาติชายฮอลล์ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา

แต่ระหว่างงานเลี้ยงผมก็จะทำทีว่าท้องไส้ไม่ค่อยดีขอตัวออกไปเข้าห้องนํ้าเป็นระยะๆ เพื่อโทรศัพท์ถามผลการแข่งขันจากน้องๆ ฝ่ายข่าวกีฬาไทยรัฐที่นั่งดูกันอยู่ที่โรงพิมพ์

สรุปก็เป็นอย่างที่ท่านผู้อ่านคงทราบดีอยู่แล้วว่า เราแพ้เกาหลีใต้ไป 0-3 เซต หมดสิทธิ์ได้แชมป์ และก็หมดสิทธิ์ที่จะได้ตั๋วไปแข่งขันกีฬาวอลเลย์หญิงในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่โตเกียว ในช่วงกลางๆ ปีนี้

ประสาคนที่ดูกีฬามาเนิ่นนาน ผ่านความพ่ายแพ้และชัยชนะของทีมชาติไทยในกีฬาประเภทต่างๆ มานับไม่ถ้วน แม้ผมจะรู้สึกเสียดายและเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทำใจได้

กลับมาร่วมงานเลี้ยงจนเลิกราในที่สุด

แต่พอถึงบ้านก่อนเข้านอนตอนดึกได้ดูข่าวโทรทัศน์ สรุปเบื้องหน้าเบื้องหลังการพ่ายแพ้ของสาวไทย เห็นน้องๆ หลายคนกอดคอกันร้องไห้อย่างจริงจัง ก็เกิดความรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก

นึกขึ้นมาได้ว่าการแข่งขันครั้งนี้เปรียบเสมือนรถด่วนเที่ยวสุดท้ายที่จะไปสู่โอลิมปิกเกมส์ของนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงของเราหลายๆ คนที่ตั้งความหวังไว้ว่าจะขอไปแข่งโอลิมปิกสักครั้งหนึ่งในชีวิตนี้

พวกเธอผ่านมาหมดแล้ว ทั้งซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก ฯลฯ ได้เหรียญมานับไม่ถ้วน

แต่ยังไม่เคยมีโอกาสไปแข่งโอลิมปิกแม้สักครั้งเดียว

เมื่อประเทศไทยได้รับการมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพรอบคัดเลือก และทีมที่มาแข่งก็มีเพียงไม่กี่ทีมที่กระดูกแข็งจริงๆ ทำให้ “โอกาส” ที่จะได้ไปโอลิมปิกของเธอค่อนข้างสูงพอสมควรทีเดียว

ซึ่งพวกเธอก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านมาจนถึงด่านสุดท้ายมองเห็น “บัตรทอง” สู่โอลิมปิกอยู่แค่มือคว้า

กลับต้องมาฝันสลายเพราะทีมสาวเกาหลีใต้หนึ่งในไม่กี่ทีมที่ได้ชื่อว่ากระดูกแข็ง สำหรับการแข่งขันครั้งนี้

จะไม่ให้พวกเธอร้องไห้ได้อย่างไร เพราะโอกาสนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของผู้เล่นหลายๆ คนที่อายุเกิน 30 ปี มาพอสมควร ไม่สามารถจะรอไปอีก 4 ปีข้างหน้าสู่โอลิมปิกเกมส์รอบใหม่ได้

ผมเห็นภาพจากข่าวทีวีแล้วก็ตั้งใจจะพูดปลอบใจและให้กำลังใจเธอทุกๆ คนในรายการ “สนทนากับจ่าแฉ่ง” ทางวิทยุสปอร์ต เรดิโอ FM96 ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งผมก็ได้กล่าวไปแล้วตามที่ตั้งใจไว้

วันนี้ขออนุญาตเขียนเพิ่มเติมในคอลัมน์นี้อีก เพราะมีข่าวล่าต่อมาว่านักวอลเลย์สาวของเรารวม 5 คน จะโบกมืออำลาการแข่งขันวอลเลย์บอล แต่เพียงเท่านี้

ได้แก่ ปลื้มจิตร์ ถินขาว, นุศรา ต้อมคำ, อรอุมา สิทธิรักษ์, มลิกา กันทอง และ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ 5 มือเก๋าของเรานั่นเอง

ผมเข้าใจได้ถึงความรู้สึกของเธอทุกคน และหากทุกอย่างจะเป็นจริงตามข่าวที่พาดหัวหน้ากีฬาของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับข่าวนี้…ผมก็ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณเธอทั้ง 5 อีกครั้ง

ขอบคุณสำหรับผลงานอันยิ่งใหญ่ที่เธอมอบให้แก่พวกเรามาตลอดระยะไม่ต่ำกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

เรามีความสุขหลายต่อหลายครั้งจากชัยชนะของพวกเธอ และแน่ล่ะบางครั้งเราก็เสียใจและเสียดายอยู่บ้าง ที่พวกเธอพ่ายแพ้ในศึกใหญ่ๆ

แต่ทุกครั้งที่เธอแพ้เธอจะชนะใจคนไทยเสมอ เพราะเธอได้ “สู้ สู้ สู้ตาย ไว้ลาย” ดังเช่นวลีเชียร์สั้นๆ วลีนี้ทุกประการ

สะท้อนถึงแก่นแท้ของความเป็นคนไทยที่จะไม่ยอมพ่ายแพ้ให้แก่ใครง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬาหรือเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น

ขอให้ “หญิงเก่ง” ทั้ง 5 จงประสบความสำเร็จในชีวิตและอนาคตใหม่ในวันข้างหน้าด้วยเถิด

ส่วนความฝันอันยิ่งใหญ่ของเธอ และเป็นความฝันของคนไทยเราด้วย…อันได้แก่ การไปแข่งขันในกีฬา “โอลิมปิกเกมส์” นั้นไซร้

ฝากไว้กับน้องๆ นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงรุ่นหลังๆ ก็แล้วกัน…สู้ให้เหมือนพี่ๆ ขยันทุ่มเทให้เหมือนพี่ๆ…สักวัน “ความฝัน” ของคนไทยจะเป็นความจริง.

“ซูม”