ปลอบใจธุรกิจ “ดาวร่วง” เกิดขึ้นดับไปเป็นธรรมดา

ประกาศออกมาแล้วครับ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง และ 10 ธุรกิจดาวร่วงของปี 2563 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จากผลการวิเคราะห์วิจัยของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ผมขออนุญาตไม่ลงลึกสำหรับธุรกิจ “ดาวรุ่ง” ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นธุรกิจใหม่ๆ ทันสมัยไฮเทคที่มีพื้นฐานอยู่กับอินเตอร์เน็ต หรือออนไลน์

ท่านผู้อ่านที่ประสงค์จะทราบโปรดดูได้ในข่าวหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ และข่าวออนไลน์เกือบทุกสำนัก เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว

ผมอยากจะปลอบใจและให้กำลังใจธุรกิจ “ดาวร่วง” มากกว่าครับ เพราะหลายๆ ธุรกิจหลายๆ อันดับมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตผม หรือเคยเป็นธุรกิจที่ผมพึ่งพาอาศัยมาอย่างมากในชีวิตนี้

เมื่อได้ข่าวว่าจะร่วงโรยแน่ๆ ก็อดมิได้ที่จะต้องเขียนอำลาอาลัยด้วยความคิดถึงและเสียดาย

ดาวร่วงอันดับ 1 เลยก็คือ ธุรกิจเช่าหนังสือครับ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ติดอันดับดาวร่วงมาตลอด 4-5 ปี หลังนี้ไม่แน่ใจว่าอยู่อันดับไหนบ้าง…ปีนี้พอเห็นขึ้นเป็นอันดับ 1 ก็รู้สึกใจหาย และถวิลหาอาลัยมากเป็นพิเศษ

ยังจำได้เมื่อ 40 กว่าปีก่อนตอนผมเรียนมหาวิทยาลัยมาจนถึงตอนจบใหม่ๆ ไปที่ไหนๆ ก็จะเจอแต่ร้านเช่าหนังสือ โดยเฉพาะแถวๆ บางลำพูมีเป็นสิบๆ ร้าน และแต่ละร้านจะมีลูกค้าเข้าไปอุดหนุน นั่งอ่านกันตามโต๊ะ ตามเก้าอี้ ม้านั่งเรียงรายเป็นตับ

ผมเป็นแฟนตัวยง นั่งอ่านกำลังภายใน “ฤทธิ์มีดสั้น” ที่ร้านบางลำพูนี่แหละ จากนั้นก็ติดงอมแงมตามมาอ่านของ พี่ ว. ณ เมืองลุง และน้อง น.นพรัตน์ อีกหลายๆ 10 เรื่อง ที่ร้านเช่าย่านนี้

ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าธุรกิจร้านเช่าหนังสือซึ่งเคยรุ่งเรืองมากในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง จะกลายเป็นธุรกิจดาวร่วงอันดับ 1 ของประเทศไทย

อันดับ 2 ได้แก่ ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร…นี่ก็เกี่ยวกับชีวิตประจำวันและการทำงานของผมอย่างมาก

ปัญหาโทรศัพท์พื้นฐานหรือโทรศัพท์บ้านที่ผู้คนหันมาใช้น้อยลง แม้จะน่าเห็นใจแต่สำหรับผมโดยปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้มากอยู่แล้วในอดีต จึงไม่ค่อยมีความผูกพันเท่าไรนัก

ตรงข้ามกับโทรสารหรือแฟกซ์ซึ่งผมต้องพึ่งพาอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 30 ปีที่แล้ว ที่ต้องเดินสายทั่วประเทศไทย จำเป็นต้องเขียนต้นฉบับส่งแฟกซ์มาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

เวลาไปต่างประเทศก็จะต้องส่งแฟกซ์กลับมาโรงพิมพ์เช่นกัน

เมื่ออ่านเจอว่าธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตโทรสารหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับโทรสารหรือแฟกซ์จะพลอยแย่ลงไปด้วยก็รู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที

หลังสุดนี้ก็เริ่มเจอปัญหาแล้วครับโรงแรมหลายๆ ประเทศเริ่มไม่มีการใช้แฟกซ์ ล่าสุดที่ไปฟินแลนด์ ไปเดนมาร์ก เขาก็ไม่มี แต่เผอิญผมเขียนตุนไว้ครบถ้วนก็เลยไม่เกิดปัญหาใดๆ

ไปญี่ปุ่นหลังสุดก็ไม่มีแฟกซ์แต่แม่บ้านผมไปด้วย ผมใช้วิธีเขียนลายมือให้เธอพิมพ์ด้วยไอแพด แล้วก็ส่งมาเข้าอีเมลที่ไทยรัฐอีกต่อหนึ่ง สามารถรายงานเรื่องพายุไต้ฝุ่นถล่มโตเกียวได้อย่างละเอียดลออ

สำหรับธุรกิจดาวร่วงอันดับ 3 คือ ธุรกิจร้านให้บริการอินเตอร์เน็ต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านเล่นเกมเสียมากกว่า ต่อไปนี้มีเกมทางมือถือบ้าง ทางไอแพดบ้าง สะดวกมากขึ้นคงไม่ค่อยมีใครเข้าร้านอินเตอร์เน็ตมากนัก

อันดับ 4 ได้แก่ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร ซึ่งขออนุญาตไม่พูดถึงในรายละเอียดเพราะท่านผู้อ่านคงจะทราบแล้วจากข่าวคราวเกี่ยวกับการทยอยปิดตัวของสื่อต่างๆ ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา

เนื้อที่เหลือน้อยแล้วขอขยับรวดเดียวไปถึงอันดับ 10 เลยนะครับได้แก่ 5.ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ใช้แรงงานมากและขายในประเทศ อันดับ 6.ธุรกิจการค้าแบบดั้งเดิม อันดับ 7.ธุรกิจคนกลาง อันดับ 8.ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ความจำประเภทซีดี, ซีวีดี, บลูเรย์, ดิสก์ ฯลฯ อันดับ 9.ธุรกิจดั้งเดิมไม่มีดีไซน์และใช้แรงงานมากเช่นเฟอร์นิเจอร์ของเล่น และ 10.ธุรกิจสถานศึกษาเอกชนและธุรกิจร้านถ่ายรูป

ทั้งหมดนี้ก็คือ 10 ธุรกิจ “ดาวร่วง” ของปี 2563 ที่มหาวิทยาลัย หอการค้าไทยท่านวิจัยไว้ ซึ่งผมเห็นด้วยทั้งหมดและเมื่ออ่านแล้วก็รู้สึกใจหายดังที่ได้บรรยายไว้ในช่วงต้น

ก็ได้แต่ปลอบใจว่า “เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป” เป็นธรรมดาของโลก ทุกสรรพสิ่งไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนดังที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้

ในระหว่างบาดเจ็บรอลมหายใจสุดท้ายกันอยู่นี้ ผมก็ขอเอาใจช่วย ขอให้กำลังใจ ขอให้สู้ๆ กันต่อไป และขอให้อยู่รอดได้เท่าที่จะอยู่ได้ทุกๆธุรกิจนะครับ.

“ซูม”