เศรษฐกิจดี “กีฬาเด่น” บทเรียนจากเวียดนาม

การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพปิดฉากรูดม่านไปแล้วอย่างกร่อยๆ สำหรับแฟนกีฬาชาวไทย…กร่อยทั้งในแง่การติดตามชมและผลการแข่งขัน เมื่อวัดจากจำนวนเหรียญทองที่ประเทศไทยคว้ามาได้

ผมไม่ทราบเรตติ้งการดูกีฬาซีเกมส์งวดนี้ทางโทรทัศน์จะออกมามากน้อยอย่างไร แต่จากข้อสังเกตส่วนตัวของผมเชื่อว่า นอกจากวอลเลย์บอลหญิงที่คนไทยติดตามมากที่สุดแล้ว อย่างอื่นๆ เหงามาก รวมทั้งฟุตบอลที่เปิดฉากด้วยการแพ้อินโดนีเซียและในที่สุดก็ตกรอบไป

ในแง่จำนวนเหรียญที่ทัพนักกีฬาไทยทำได้ก็กร่อยอีก นับเฉพาะเหรียญทองก็แล้วกันชัดเจนดี เราได้ที่ 3 คว้ามาได้แค่ 92 เหรียญทองแพ้เวียดนามที่ได้ที่ 2 รวม 96 เหรียญทอง และฟิลิปปินส์เจ้าภาพที่ได้อันดับ 1 รวม 149 เหรียญทอง

มีคนเปิดสถิติดูแล้วบอกว่า เราไม่เคยได้เหรียญทองเป็นที่ 3 มาตั้งแต่ พ.ศ.2536 เป็นเวลา 24 ปีเต็มๆ คิดเป็นการแข่งขัน ซีเกมส์ถึง 12 ครั้ง (ได้ที่ 1 ที่ 2 ตลอด) เพิ่งจะมาได้อันดับ 3 ในปี 2562 นี่แหละ

เกิดอะไรขึ้นกับทัพนักกีฬาไทยของเราหรือ?

ผมพยายามมองในแง่ดีก็คิดว่านักกีฬาไทยเราก็ทำดีที่สุดแล้ว ฟิตซ้อมเท่าที่จะฟิตซ้อมได้ ทุ่มเทเท่าที่จะทุ่มเทได้

ซึ่งที่ผ่านมาด้วยการฟิตซ้อมขนาดนี้ทุ่มเทขนาดนี้ถ้าแข่งในบ้านเราก็มักได้เป็นเจ้าซีเกมส์คือได้เหรียญทองมากที่สุดอยู่แล้ว หรือไปแข่งที่อื่นก็ได้เจ้าซีเกมส์บ้าง แพ้เจ้าภาพบ้าง แต่ไม่เคยต่ำกว่าที่ 2 อย่างที่ว่า

เผอิญว่าปีนี้เป็นปีที่เวียดนาม เขามาแรงคึกคะนองสุดขีดทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการกีฬา โดยเฉพาะในทางเศรษฐกิจ 2-3 ปีมานี้เป็นปีทองของเวียดนามขนานแท้ เศรษฐกิจโตโดยเฉลี่ยกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่เราทราบ

ขนาดปีนี้ถอยลงมาหน่อยยังอยู่ราวๆ 6.8 เปอร์เซ็นต์ และในขณะที่ใครต่อใครโอดครวญกับภาวะสงครามการค้า เวียดนามกลับยิ้ม กลายเป็นได้ประโยชน์จากสงครามการค้าด้วยซ้ำ

เศรษฐกิจกับกีฬาเป็นของคู่กันเศรษฐกิจดีมักทำให้การกีฬาดีอาจจะเป็นเพราะมีเงินไปบำรุงกีฬามากขึ้นผลที่ตามมาก็คือกีฬาเวียดนามพลอยดีตามเศรษฐกิจไปด้วย สามารถคว้าชัยชนะได้ในหลายๆประเภท จนแซงไทยได้สำเร็จ

มองสถิติย้อนหลังกลับไปอีกครั้ง จะเห็นว่าเวียดนามไม่เคยได้เหรียญทองมากกว่าประเทศไทยเลยยกเว้นปี 2546 ที่เขาขันอาสาเป็นเจ้าภาพครั้งแรกหลังรวมประเทศและเข้าร่วมในซีเกมส์

การเป็นเจ้าภาพแล้วได้เป็นเจ้าเหรียญทองเรามักไม่เอามาคิด เพราะเจ้าภาพส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะเจ้าภาพซีเกมส์) ชอบจัดกีฬาที่ตัวเองถนัดเข้ามาเสริม ทำให้ได้เหรียญทองมากกว่าประเทศอื่น

ดังนั้น เมื่อตัดครั้งที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพออกไป ก็สามารถจะกล่าวได้เลยว่า เราไม่เคยได้เหรียญทองรวม แพ้เวียดนาม…เพิ่งมาแพ้ในครั้งนี้นี่แหละเป็นหนแรก

ก็อย่างที่วิเคราะห์ไว้แล้วว่าเขากำลังคึกสุดขีด พอเศรษฐกิจดีการเมืองนิ่ง จิตใจของผู้คนก็ดีของนักกีฬาก็พลอยดีตามไปด้วย มีความฮึกเหิมไปแข่งที่ไหนก็ได้ชัยชนะ

ก็อย่าไปคิดอะไรมากเลยครับ ถือเสียว่ากีฬาย่อมมีแพ้ชนะ เราชนะเขาได้เขาก็ชนะเราได้ หนนี้เราแพ้เขาก็กลับมาปรับปรุงเสียใหม่ ไว้รอแก้ตัวใหม่ในครั้งต่อๆ ไป

ที่ผมซักรู้สึกเป็นห่วงเห็นจะไม่ใช่เรื่องกีฬาละครับ ห่วงเรื่องการพัฒนาประเทศเสียมากกว่า

เพราะจากการที่เศรษฐกิจของเขาดีมาก การขยายตัวสูงมากในขณะนี้ รวมกับการเทียบโครงสร้างประชากรและข้อมูลพื้นฐานที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ นักวิเคราะห์บางรายบอกว่าแม้ขนาดเศรษฐกิจเวียดนาม ซึ่งตอนนี้ยังเล็กกว่าเราเยอะ รวมทั้งรายได้ต่อหัวก็ต่ำกว่าเราเยอะแต่อาจจะทันหรือแซงเราได้ใน 30 ปีข้างหน้า

ช่วงเวลานั้นผมคงไม่มีโอกาสอยู่ลุ้นละครับ ว่าเศรษฐกิจของเขาจะแซงเราได้หรือไม่อย่างไร? คงต้องฝากให้รุ่นลูกๆ ไปจนถึงรุ่นหลานๆ ให้ช่วยลุ้นแทน

โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าเราคงไม่แพ้เขาหรอก พัฒนามาจนทิ้งห่างเขาตั้งเยอะ ทั้ง GDP ทั้งรายได้ต่อหัว…เขาคงไล่ทันเรายาก…ขอเพียงผู้บริหารประเทศไทยและคนไทยเราอย่าประมาทเท่านั้นเอง.

“ซูม”