คดีอื้อฉาว “ล่อซื้อ” ลิขสิทธิ์ ให้บทเรียนอะไรแก่คนไทย?

ขณะที่นั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ คดีล่อซื้อลิขสิทธิ์จับเยาวชนที่ทำกระทงเป็นตัวการ์ตูนญี่ปุ่นที่นครราชสีมาได้บานปลายออกไปจนกลายเป็นว่ากลุ่มที่ไปจับคนอื่นในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์กำลังจะกลายเป็นจำเลยไปเสียเอง เมื่อมีการเปิดเผยพฤติกรรมว่าจับมาเพื่อต่อรองเอาเงิน เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์เสียมากกว่าที่จะจับเพื่อการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ที่แท้จริง

มีผู้ทยอยแจ้งความร้องทุกข์ในกรณีที่คล้ายคลึงกันตามโรงพักต่างๆ ในหลายๆ จังหวัด อ่านจากหัวข่าวประมาณ 40-50 รายเข้าไปแล้ว

พฤติกรรมเหมือนๆ กันหมด คือมาล่อซื้อหรือหลอกให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวผลิตสินค้าที่อาจจะละเมิดลิขสิทธิ์ แต่แทนที่จะดำเนินคดีถึงที่สุด ก็มาขอเจรจาเอาเงินค่ายอมความเสียเป็นส่วนใหญ่

เจอกันรายละหลายหมื่นบาทเพราะไม่จ่ายก็โดนขู่ว่าอาจจะติดคุก ทำให้ผู้ถูกจับกลัวเกรง ยอมความจ่ายเงินให้เกือบทุกราย

ส่วนว่าฝ่ายจับกุมเมื่อได้รับเงินยอมความไปแล้วจะเอาเงินไปมอบให้เจ้าของสินค้าลิขสิทธิ์ หรือเอาเข้ากระเป๋าเองยังเป็นเรื่องที่จะต้องแสวงหาความจริงกันต่อไป

กรณีที่เกิดขึ้นก่อนวันลอยกระทงกรณีนี้ได้รับความสนใจจากสังคมไทยอย่างสูงยิ่ง มีการพูดถึงและแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง

ส่วนใหญ่ล้วนเอาใจช่วย “เยาวชน” ที่ถูกจับกุมและเรียกค่าต่อรองรายแรกที่เป็นข่าว รวมถึงเมื่อมีการเผยตัวผู้เคราะห์ร้ายที่โดนคดีคล้ายๆ กันจำนวนมาก ความเห็นในโซเชียลก็ออกมาในลักษณะแสดงความเห็นใจเหยื่ออื่นๆ เช่นกัน และค่อนข้างปักใจว่าการดำเนินการต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็น “ขบวนการ” มิชอบที่จะต้องกำจัดให้หมดสิ้นในที่สุด

สำหรับผมเองเห็นด้วยกับกระแสสังคมในวันนี้ครับ!

ขอเอาใจช่วยตำรวจฝ่ายนํ้าดีให้ทำคดีนี้จนถึงที่สุด เพื่อขจัดฝ่ายซึ่งมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมให้หมดสิ้นไปให้จงได้

การลงโทษผู้กระทำผิดในกรณีนี้อย่างจริงจังและไม่ไว้หน้าจะเป็นการป้องปรามมิให้เกิดมีการเข้ามาทำมาหากิน อาศัยกฎหมายลิขสิทธิ์ขูดรีดประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์อีกต่อไปในอนาคต

แต่สำหรับพี่น้องประชาชนนั้น ผมก็ขอฝากให้เรียนรู้จากข่าวนี้ไปด้วยเช่นกันว่า…จะอย่างไรเสียเรื่องกฎหมายคุ้มครองลิขสิทธิ์ต่างๆ นั้นยังคงมีอยู่และยังมีบทลงโทษแก่ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์อยู่

เราจะต้องเคารพกฎหมายนี้ และต้องระมัดระวังที่จะไม่ดำเนินการในการล่วงละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นไม่ว่ากรณีใดๆ โดยเฉพาะในกรณีที่นำมาใช้เพื่อการพาณิชย์ แม้จะเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็อาจเสี่ยงได้

ขอให้ใช้ความคิดของเราขึ้นเอง ใช้จินตนาการเองจะดีกว่า…อาจไม่สวยไม่โดดเด่น แต่ก็จะปลอดภัยกว่าไปทำลอกเลียนคนอื่นเขา

เผลอๆ หากของเราเกิดเป็นที่ถูกใจลูกค้าเราก็ไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์เสียเองเลย อาจจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำในอนาคต

ผมก็หวังว่า จากข่าวที่เกิดขึ้นจนเป็นที่อื้อฉาวในครั้งนี้ คงจะให้บทเรียนแก่สังคมไทยเราพอสมควร

ในทางที่จะต้องขจัดปัดเป่าพวกมิจฉาชีพที่ฉกฉวยช่องโหว่ของกฎหมายลิขสิทธิ์เพื่อประโยชน์แห่งตนและพวกพ้อง ก็ขอให้ดำเนินการต่อไปอย่างเข้มแข็ง เอาให้สิ้นซากให้ถอนรากถอนโคนให้จงได้

ขณะเดียวกันเราก็ต้องระวังไว้ด้วยว่า จริงๆ แล้วกฎหมายในเรื่องนี้ยังมีบังคับใช้อยู่ ทำอะไรหลบเลี่ยงพวกสินค้าดังๆ (ซึ่งสงสัยไว้ก่อนเลยว่าเขาจดทะเบียนลิขสิทธิ์ไว้แน่ๆ) เป็นดีที่สุด หลบได้ก็หลบไปเสีย อย่าไปยุ่งอะไรกับเขาเป็นเด็ดขาด

อาจเจอเจ้าของสินค้าใจดีไม่เอาโทษกับเราก็โชคดีไป แต่ไปเจอพวกใจโหด หรือตัวแทนของเขา ซึ่งส่วนใหญ่จะโหดมาก เราจะโดนเล่นงานรุนแรง ได้ไม่คุ้มเสียซะเปล่าๆ

หรือถ้าทางการไทยยังปราบได้ไม่หมด ส่งผลให้ยังมีพวกมิจฉาชีพคอยตามล่อซื้อ หรือรีดไถต่อไปอีก เราก็จะยังคงเดือดร้อนกันอยู่นั่นเอง

ผมยังเป็นห่วงว่า เผลอๆการปราบมิจฉาชีพกรณีนี้อาจไม่สำเร็จก็ได้…เพราะพอสังคมหันไปสนใจเรื่องอื่นๆ ผู้ทำหน้าที่ปราบปรามท่านก็อาจจะลืม หายเงียบไปตามกระแสสังคมที่จางลง ส่งผลให้พวกหากินแบบขู่กรรโชกอาจจะกลับมาตามเดิม

เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือ อย่าไปยุ่งกับสินค้าลิขสิทธิ์ทั้งหลายเสียตั้งแต่ต้น…ยุ่งแล้วมักได้ไม่คุ้มเสียครับ!

“ซูม”