สหรัฐฯ ตัด “จีเอสพี” ไทย “เคราะห์” ใหม่ของประเทศ

ไม่มีเสียงปี่เสียงขลุ่ยเอาเลยจริงๆ สำหรับการประกาศตัดสิทธิ “จีเอสพี” 573 สินค้าไทยของรัฐบาลสหรัฐฯ ลงนามโดยประธานาธิบดี นายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันเสาร์ที่แล้วตามเวลาบ้านเรา

จู่ๆ ก็เปรี้ยงขึ้นมาแบบสายฟ้าฟาด อ้างว่ารัฐบาลไทยไม่ดูแลสิทธิแรงงานตามหลักสากล รวมมูลค่าสินค้าของเราที่จะโดนตัดสิทธิ์ครั้งนี้เกือบๆ 4 หมื่นล้านบาท โดยจะมีผลตั้งแต่ 25 เมษายนปีหน้า

กระเทือนต่อสินค้าไทยในกลุ่มนี้ที่จะส่งไปขายที่สหรัฐฯ อย่างแน่นอน เพราะราคาจะแพงขึ้นย่อมมีผลทำให้ยอดขายลดลงไปตามหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น

หลายๆ คนจึงรู้สึกช็อกและรู้สึกเห็นใจผู้ส่งออกสินค้าไทยที่จะต้องเจอปัญหาถึง 2 เด้งพร้อมกัน…เพราะลำพังค่าเงินบาทแข็งโป๊กที่สุดในรอบ 6 ปี และบางข่าวบอกว่าแข็งที่สุดในโลกขณะนี้เสียด้วย…ก็ทำให้การส่งออกหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว

ยังมาเจอสหรัฐฯ ตัดจีเอสพีเข้าให้อีกจึงกลายเป็นเด้งที่สองซ้ำเติมผู้ส่งสินค้าออกใน 573 รายการนี้ ทำให้สาหัสเพิ่มขึ้น

ก็ต้องแสดงความเสียใจและขอให้กำลังใจสำหรับผู้ส่งออกโชคร้ายกลุ่มนี้ ไว้ ณ ที่นี้

ยังพอมีเวลาปรับตัว ปรับกลยุทธ์ เพราะผลการตัดสิทธิ์จะเกิดขึ้นปลายๆ เมษายนหน้า…หรืออีกประมาณเกือบ 6 เดือนนับจากนี้

จะสู้คือส่งสินค้าไปขายที่สหรัฐฯ ต่อ หรือจะหนีไปขายที่ตลาดอื่น ก็คงต้องตัดสินใจหาลู่ทางกันต่อไป

กล่าวในเชิงเศรษฐศาสตร์และการพัฒนาโอกาสที่ประเทศไทยเราจะโดนตัดสิทธิ์จีเอสพี จะสูงขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว เพราะระดับการพัฒนาของเรานับวันจะเข้าใกล้ข่ายที่จะได้รับการยกเว้นไปทุกขณะ

แต่ที่เสียความรู้สึกก็ตรงที่เขาอ้างเหตุผลว่าไม่ดูแลสิทธิแรงงาน ตามหลักสากล มันเหมือนกับเรากำลังทำผิด จึงถูกตัดสิทธิ์ ไม่ใช่ว่าถูกตัดสิทธิ์เพราะระดับการพัฒนาของเราสูงขึ้น

ก็คงต้องไปดูกันให้ละเอียดละว่าเราไม่ดูแลสิทธิแรงงานจริงเท็จอย่างไร? และต้องดูแลระดับไหน สหรัฐฯ ถึงจะยอมรับ?

ถือเป็นการปรับปรุงตัวเราเองด้วย เพราะนี่คือกฎกติกาของการค้าโลกยุคใหม่ทุกอย่างจะต้องถูกต้อง ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

จึงไม่เสียหายถ้าเราจะสำรวจตัวเองแล้วหาทางแก้ไขปรับปรุง เพราะเรายังจะต้องค้าขายในโลกกว้างต่อไป การทำอะไรให้ถูกกฎ ถูกกติกา และถูกจริตของชาวโลกเป็นเรื่องที่หลีกหนีไม่พ้นอยู่แล้ว

บางเสียงบอกว่า หรือเราจะโดนตัดสิทธิ์จีเอสพี เพราะเราไปแบนการนำเข้าวัตถุอันตรายทางการเกษตรของเขาก่อน? แต่หลายๆ ฝ่ายแม้กระทรวงพาณิชย์ของเราเองบอกว่าไม่น่าเกี่ยวข้อง

ผมเองก็คิดว่าคงไม่เกี่ยว แต่ก็อยากจะเผื่อเปอร์เซ็นต์ว่าเกี่ยวไว้สัก 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะในโลกยุคที่ทุกประเทศเห็นแก่ตัวเองอย่างทุกวันนี้ หรืออย่างคุณทรัมป์ที่ยึดหลักอเมริกาต้องมาก่อนดังที่แกฟาดหัวฟาดหางอยู่ขณะนี้ การทำอะไรแบบคาดไม่ถึงย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ

ที่คิดว่าไม่เกี่ยวอาจจะเกี่ยวก็ได้ ผมถึงเผื่อไว้ให้ 10 เปอร์เซ็นต์

เวลารัฐบาลไทยวิเคราะห์ผมอยากให้วิเคราะห์ในทุกแง่ทุกมุม และทุกประเด็นก่อนสรุปว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร?

ผมไม่ทราบว่าบิ๊กตู่จะว่าอย่างไรและจะเดินหมากอย่างไรต่อไป เพราะเขียนต้นฉบับล่วงหน้า

ก็ได้แต่ให้กำลังใจรัฐบาลเหมือนที่ให้กำลังใจผู้ส่งออกสินค้า 573 รายการ ที่จะส่งไปสหรัฐอเมริกาดังที่เขียนไว้ตอนต้น

นึกเสียว่าเป็นคราวเคราะห์ของเราก็แล้วกันครับบิ๊กตู่ มีเรื่องโน้นเรื่องนี้เกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะข่าวด้านเศรษฐกิจช่วงนี้ มีแต่ข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี

พระท่านสอนว่าเมื่อไรมีเคราะห์หรือมีทุกข์ก็ให้หยุดตั้งสติทำใจให้สงบให้นิ่งเอาไว้ให้มากที่สุดแล้วค่อยๆ ใช้ปัญญาในการแก้ไขความทุกข์นั้นๆ

รายละเอียดของเรื่องนี้ยังมีอีกมาก การดูข้อมูลให้ลึกซึ้งและครบถ้วนเป็นเรื่องจำเป็น บางทีสถานการณ์อาจไม่ร้ายแรงมากอย่างที่เราวิตกก็ได้นะครับ.

“ซูม”