ศูนย์ต้าน “ข่าวปลอม” ควรจะมีตั้งนานแล้ว

เมื่อสักเดือนสองเดือนที่แล้ว มีข่าวว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คุณพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ มีดำริที่จะจัดตั้งศูนย์กรองข่าวปลอม หรือ Fake News Center ขึ้นมาในกระทรวงของท่าน เพื่อต่อต้านบรรดาข่าวปลอมหรือข่าวลวงต่างๆ ที่ระบาดหนักอยู่ในโลกออนไลน์ขณะนี้

ถึงขั้นมีการประชุมพันธมิตรหลายๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วด้วยซํ้าว่าจะต้องทำอย่างไรกันบ้าง? เพื่อให้ศูนย์นี้เกิดขึ้นได้

เมื่อตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นสัปดาห์ก่อนผมเข้าเว็บเปิดอ่าน www.Strait-times.com ของสิงคโปร์เขารายงานข่าวว่า ท่านรัฐมนตรีพุทธิพงษ์ตั้งใจจะให้มีการเปิดศูนย์ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ด้วยซํ้า

ก็หวังว่าข่าวของสื่อสิงคโปร์ที่ว่านี้คงจะเป็นข่าวจริง ไม่ใช่ข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์นะครับ เพราะผมเห็นด้วยและเอาใจช่วยท่านเต็มที่

อยากจะเห็นศูนย์กรองข่าวที่ว่าเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดว่าอย่างนั้นเถอะ

ในช่วงเวลาที่สื่อออนไลน์เกิดขึ้นตอนแรกๆ ซึ่งจะต้องดูต้องอ่านผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นไม่ค่อยมีปัญหาข่าวปลอมเท่าไรนัก

อาจจะเป็นเพราะการรับการส่งยังยุ่งยากอยู่และคอมพิวเตอร์ยุคโน้นมีราคาสูงพอสมควร ใครจะซื้อเครื่องมาใช้ได้ต้องมีเงินมีทองในระดับหนึ่ง ทำให้การสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ยังจำกัดอยู่ในวงแคบ

แต่พอมาถึงยุคโทรศัพท์มือถือครองโลกสามารถอ่านข่าวกันได้อย่างง่ายดายบนฝ่ามือและก็ส่งข่าวต่อที่เรียกว่าแชร์ออกไปได้เพียงกระดิกนิ้วมือเท่านั้น

การเผยแพร่ข่าวหรือส่งข่าวต่อที่เรียกว่าแชร์จึงทำได้ง่ายและกระจายได้เร็ว แผล็บเดียวรู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง

ประกอบกับคนไทยเรามีลักษณะนิสัยชอบรู้ชอบเห็นและชอบเผยแพร่ต่อ แต่ไม่ค่อยชอบการกลั่นกรอง…ได้รับปุ๊บแชร์ปั๊บทันที

ทำให้คนไทยจำนวนมากโดนหลอกให้ทำโน่นทำนี่ โดนหลอกให้เสียเงินเสียทอง ไปจนถึงเสียเนื้อเสียตัวเป็นจำนวนไม่น้อย

หรือไม่ก็เกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกันมากขึ้น แบ่งเป็นฝักฝ่ายมากขึ้น จากการปั้นแต่งเรื่องต่างๆ ทับถมฝ่ายโน้นฝ่ายนี้

อย่างเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็มีการแชร์ข่าวซึ่งถ้าจะบอกว่าปลอมก็ไม่ใช่ เพราะเป็นข่าวจริงแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นมาปีกว่าแล้ว จนผู้ก่อเหตุก็ถูกตำรวจจับส่งฟ้องโดนติดคุกไปแล้ว แต่ก็เพิ่งจะหยิบขึ้นมาแชร์กัน

เป็นข่าวเกี่ยวกับคนร้ายรายหนึ่งควงกระบองเข้าไปทุบศีรษะลูกค้าของห้างดังห้างหนึ่งในห้องน้ำ เพื่อหวังแย่งชิงทรัพย์

ขอเอ่ยชื่อเลยก็ได้ครับ คือห้าง เดอะมอลล์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเดอะมอลล์ บางกะปิ ใกล้ๆ บ้านผมนั่นเอง

ทั้งที่เรื่องเกิดมานานแล้วและจบไปนานแล้ว แต่ก็ยังมีการนำมาแชร์กันอีก โดยไม่ทราบว่าผู้แชร์มีจุดประสงค์อันใด? จะด้วยความมือบอน? หรือเป็นโรคจิต? ไม่มีทางจะทราบได้

แต่ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ แทบไม่มีคนเดินอยู่หลายวัน เพราะนึกว่าเหตุการณ์เพิ่งจะเกิดเมื่อเร็วๆ นี้

เผอิญว่าทางห้างเขาแก้เกมทัน ออกมาแถลงข่าวอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมาจนเกือบจะเป็นปกติแล้วในขณะนี้

ผมจึงเห็นด้วยที่จะมีการตั้งศูนย์กรองข่าวปลอมขึ้นตามที่รัฐมนตรีแถลง โดยให้คอยติดตามอยู่ตลอดสำหรับข่าวที่ล่อแหลม หรือน่าสงสัยแล้วก็รีบบอกประชาชนทันทีว่า จริงหรือไม่จริงอย่างไร

เพื่อมิให้เกิดผลเสียหายแก่สังคมไทยดังที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ครั้ง

ก็มีเสียงท้วงติงอยู่บ้างเหมือนกันว่า ศูนย์กรองข่าวที่ว่านี้จะไปละเมิดสิทธิ์คนอื่นหรือเปล่า จะเป็นเครื่องมือทางการเมือง เล่นงานผู้ที่เห็นไม่ตรงกับรัฐบาลหรือเปล่า?

ซึ่งก็เป็นข้อสังเกตที่ดี หวังว่าท่านรัฐมนตรีคงจะหาทางชี้แจงให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าศูนย์นี้จะไม่ก้าวล่วงไปทำในเรื่องที่ไม่ควรกระทำ โดยเฉพาะการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ทางการเมืองดังที่มีการสงสัยกันอยู่พอสมควร

โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าการมีศูนย์กรองข่าวลวงน่าจะเป็นผลดีแก่สังคม (และเศรษฐกิจด้วย) มากกว่า จึงขอลุ้นให้ตั้งได้สำเร็จ

อย่าให้ข่าวการตั้งศูนย์ต่อต้านหรือศูนย์กรองเฟกนิวส์เป็นเฟกนิวส์เสียเองก็แล้วกัน…คือออกข่าวแล้วออกข่าวเล่าอยู่นั่นแหละ แต่ลงท้ายกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น…กลายเป็นเฟกนิวส์ไปในที่สุดจนได้.

“ซูม”