สดุดีพระแม่ไทย

วันนี้ (12 สิงหาคม 2562) เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นที่เคารพและเทิดทูนยิ่งของปวงชนชาวไทย ซึ่งรัฐบาลและพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างพร้อมใจกันจัดงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลด้วยความจงรักภักดีทั้งประเทศ

สำหรับศูนย์รวมใจและงานใหญ่ที่สุดในค่ำคืนนี้จะอยู่ ณ เวทีท้องสนามหลวง ที่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และประชาชนจากทั่วสารทิศจะไปร่วมในพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลในเวลา 19.30 น. โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจไปทั่วประเทศ

ในส่วนของเพลงที่จะใช้ขับร้องร่วมกันในการถวายพระพรชัยมงคลนั้นเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ได้แก่เพลง “สดุดีพระแม่ไทย” ซึ่งดำเนินการผลิตโดยกระทรวงวัฒนธรรมขึ้นใหม่ เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สำหรับการใช้ขับร้องและบรรเลงเทิดพระเกียรติในโอกาสสำคัญต่างๆ

ผมใคร่ขอถือโอกาสนี้เขียนชวนท่านผู้อ่านไปร่วมในพิธี ณ ท้องสนามหลวงอย่างพร้อมเพรียงกันเช่นทุกปี หรือเข้าร่วมพิธีที่มีการจัดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ทั้งโดยส่วนราชการและภาคเอกชน โดยเฉพาะตามห้างสรรพสินค้าทุกแห่งทั่วประเทศ

เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ไพศาลที่พระองค์ท่านพระราชทานให้แก่ประเทศไทยและพสกนิกรชาวไทยมาเป็นเวลายาวนานเกือบ 70 ปี นับแต่ทรงขึ้นดำรงตำแหน่งพระบรมราชินีในรัชกาลที่9 ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2493

เสด็จฯ เคียงข้าง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปยังพื้นที่เกือบทุกตารางนิ้วของประเทศไทยไม่ว่าไกลหรือใกล้และไม่ว่าจะสะดวกสบายหรือยากลำบาก ทุรกันดารเพียงใด พระองค์ล้วนเสด็จเยี่ยมเยียนและทรงไต่ถามสารทุกข์สุกดิบมาแล้วทั้งสิ้น

ครั้นเมื่อทรงทราบว่าประชาชนประสบทุกข์ ความเดือดร้อนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็จะทรงหาทางแก้ไขและบรรเทาทุกข์ให้ด้วยการพระราชทานโครงการพระราชดำริต่างๆดังที่ประจักษ์กันดีอยู่แล้ว

หนึ่งในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่ก่อประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยอย่างมหาศาลทั้งในด้านของการส่งเสริมให้ปวงชนชาวไทย มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการ ขณะเดียวกันก็สามารถอนุรักษ์รวบรวมและสืบสานงานฝีมืออันเป็นมรดกไทย มิให้เสื่อมสูญ นำความภาคภูมิใจอย่างยิ่งมาสู่ประชาชนชาวไทยตราบเท่าทุกวันนี้ ได้แก่ “โครงการส่งเสริมศิลปาชีพ” นั่นเอง

ดังที่ทราบแล้วว่าโครงการดังกล่าวนี้พระองค์ท่านมีพระราชดำริขึ้นเมื่อ พ.ศ.2519 หลังจากเสด็จเยี่ยมราษฎรในชนบทในหลายพื้นที่ทรงพบว่าในทุกท้องถิ่นไทยล้วนมีมรดกวัฒนธรรมของท้องถิ่นอันงดงาม โดยเฉพาะงานฝีมือด้านทอผ้าจักสานตลอดจนงานประดิดประดอยอันละเอียดอ่อน และวิจิตรตระการตาต่างๆ

จึงมีพระราชดำริให้รวบรวมไว้นำมาพัฒนาให้ดีขึ้น จากนั้นก็นำไปส่งเสริมเผยแพร่ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดย มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ทำให้งานฝีมือและมรดกไทยอันทรงคุณค่าอยู่ยั้งยืนยงมาตราบเท่าทุกวันนี้

เป็นทั้งโครงการที่สร้างรายได้แก่พี่น้องประชาชน และขณะเดียวกันก็ช่วยอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนางานฝีมืออันทรงคุณค่าของชนชาติไทยควบคู่ไปด้วย

นี่เป็นเพียง 1 ในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเท่านั้น เพราะดังที่เราทราบและประจักษ์เป็นอย่างดียิ่งแล้วว่ายังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณในด้านอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งในด้านสาธารณสุข ในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ด้านอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า ฯลฯ

ดังนั้น เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ท่านวันนี้ขอพวกเราเหล่าพสกนิกรผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันประมาณค่ามิได้ของพระองค์ท่าน จงร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและถวายพระพร ชัยมงคลแด่พระองค์ท่านอย่างพร้อมเพรียงกัน

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ.

“ซูม”