โฉมหน้า “ประยุทธ์ 2” นึกถึงเพลง “ขี้เหร่ก็รัก”

คำถามยอดฮิตในวงสนทนาเกือบทุกวงในช่วง 2–3 วันมานี้ไม่ว่าจะเป็นในโต๊ะอาหาร โต๊ะกาแฟ งานชุมนุมศิษย์เก่า งานเลี้ยงรุ่น งานแต่งงาน ฯลฯ เห็นทีจะหนีไม่พ้นคำว่า…

คุณ หรือนาย หรือมึง หรือลื้อ หรือแก (แล้วแต่ความสนิทสนมของคู่สนทนา) รู้สึกอย่างไรบ้างกับโฉมหน้าของ “รัฐบาลประยุทธ์ 2”?

ผมเองก็ได้รับคำถามนี้เช่นเดียวกันและได้ตอบเพื่อนฝูงที่สนิทๆ กันไปว่าในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมรู้สึกผิดหวัง…เพราะกว่าครึ่งหนึ่งของคณะรัฐบาลชุดนี้เป็นบุคคลที่ผมให้ความนับถือและเชื่อถือน้อยมาก

แถม 1 ในจำนวนครึ่งหนึ่งที่ว่ายังเป็นบุคคลที่ผมไม่อยากให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีเลย ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการหรือช่วยว่าการก็ตาม ซึ่งไม่ต้องเอ่ยชื่อก็รู้ว่าผมหมายถึงใคร

กล่าวโดยรวมหากจะใช้สำนวนเปรียบเทียบแบบโบราณก็คงจะต้องใช้คำว่า “ขี้เหร่”…อาจไม่ถึงขั้น ขี้เหร่ที่สุด แต่ก็ค่อนข้างไปทาง ขี้เหร่มาก ถ้าเทียบกับรัฐบาลในชุดต่างๆ ของ “บิ๊กตู่ 1” ที่ผ่านมา

แต่ในฐานะที่ผมมีหน้าที่เขียนหนังสือที่ยึดแนวปลอบใจสังคมให้กำลังใจสังคม และประเทศชาติมาโดยตลอด

บวกกับประสบการณ์ที่เคยทำงานด้านพัฒนาอยู่หลายปี ตระหนักดีว่า การพัฒนาประเทศชาติ หรือการที่จะผลักดันให้ประเทศชาติก้าวไปข้างหน้านั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

ต้องการความรัก ความสามัคคี การรวมใจเป็นหนึ่ง และความเข้มแข็งที่พร้อมจะเผชิญกับนานาอุปสรรคที่ขวางหน้าอย่างไม่ย่อท้อ

ถ้ามัวแต่ทะเลาะกัน ถกเถียงกันแม้เรื่องเหลวไหลอย่างเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็ยังทะเลาะกันเป็นวรรคเป็นเวร…รับรองไปไม่รอดแน่

รวมทั้งถ้าจะแสดงความรังเกียจ หรือขับไล่ไสส่งรัฐบาลชุดใหม่เสียแต่วันแรกๆ บ้านเมืองก็คงจะเดินหน้าไปไหนไม่ได้เลย

ทำให้ผมต้องบอกกับเพื่อนๆ เป็นข้อที่ 2 ว่าผมคงจะต้องลืมความรู้สึกส่วนตัวที่ว่ารัฐบาลนี้ “ขี้เหร่มาก” ไปเสียให้ได้

แล้วก็หันมาร้องเพลงลูกทุ่งของ ศรคีรี ศรีประจวบ ที่เคยฮิตสมัยผมยังหนุ่ม เมื่อหลายปีก่อนโน้น ซึ่งก็คือเพลง “ขี้เหร่ก็รัก” นั่นเอง

ท่านที่เป็นแฟนเพลงลูกทุ่งคงพอจำได้ว่าก่อนที่ศรคีรีจะร้องนั้น จะมีเสียงร้องหมู่จากลูกคู่นำขึ้นก่อน ว่า “ขี้เหร่เพียงไหน ขี้เหร่เพียงไหน ฉันก็ยังรัก” จากนั้นศรคีรีก็จะบรรยายความรักที่เขามีต่อสาวขี้เหร่ของเขาอย่างไพเราะเพราะพริ้ง

สำหรับผมอาจเปลี่ยนแปลงเนื้อเพลงเสียหน่อยว่า ยังไงๆ ฉันก็ต้องรักสาวคนนี้ เพราะเธอเป็นสาวขี้เหร่ที่อย่างน้อยก็เป็นผลพวงของประชาธิปไตยครึ่งใบตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศไทย

ตราบเท่าที่พรรคการเมืองไทยยังเป็นอย่างนี้ นักการเมืองไทยยังเป็นอย่างนี้ และคนไทยเราจำนวนไม่น้อยยังเป็นเช่นทุกวันนี้…เราก็เลือกกันได้เพียงเท่านี้ และมีบุคคลมาให้บิ๊กตู่เลือกเป็นรัฐมนตรีได้แค่นี้

คุณภาพและคุณสมบัติอาจเทียบกับรัฐบาลในชุดบิ๊กตู่ 1 ไม่ได้เลย…

แต่สิ่งที่เหนือกว่าก็คือยังไงๆ รัฐบาลชุดนี้ก็เป็นผลพวงของประชาธิปไตย แม้จะครึ่งใบก็ดีกว่าเผด็จการเต็มใบ

หน้าที่ของ “บิ๊กตู่” และรัฐบาลขี้เหร่ชุดนี้พึงกระทำก็คือ ทำให้ดีที่สุด ทุ่มเทที่สุด…ผิดบ้าง ถูกบ้าง เราไม่ว่ากันแต่อย่าโกง

ขณะเดียวกันก็อยากให้เปิดเพลง “ขี้เหร่โดนรัก” ของ ฝน ธนสุนทร นักร้องลูกทุ่งหญิงอีกคนหนึ่งที่ร้องไว้ดีมาก และไพเราะมากฟังควบคู่ไปด้วย

เธอร้องด้วยสำเนียงเหน่อ บรรยายความรู้สึกของสาวขี้เหร่ที่รู้สึกตกใจที่มีคนมารัก เพราะฉะนั้นจะขอทำตัวเป็นสาวขี้เหร่ที่ดีเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีที่สุด ให้คนที่รักสาวขี้เหร่คนนี้พอใจ

เพลงนี้ดังมากแต่ยอดวิวแค่ 2 ล้านกว่าเท่านั้นในยูทูบ ช่วยไปเปิดดูและฟังกันหน่อยท่านรัฐมนตรีทั้งหลาย เผื่อว่าจะเพิ่มยอดวิวให้ ฝน ธนสุนทร ได้บ้าง

ในขณะที่ท่านเองก็จะได้ข้อคิด และได้ข้อปฏิบัติไปบำเพ็ญตนให้เป็นสาวขี้เหร่ที่น่ารักต่อไป

ก็ขอให้กำลังใจและปลอบใจรัฐบาลบิ๊กตู่ 2 ได้เพียงเท่านี้ละครับ

ขอให้ทำตัวเป็นสาวขี้เหร่ที่ดีแบบ ฝน ธนสุนทร เป็นที่รักใคร่ของสามี…เอ้ย! ของประชาชนชาวไทยสามารถบริหารชาติบ้านเมืองได้นานๆ

อย่างน้อยก็เกิน 1 ปี ลบคำสบประมาทของเซียนการเมืองทุกสำนักให้จงได้ซีน่ะ.

“ซูม”