เหนื่อยแทนประเทศไทย หลังประชุมสภาฯ วันแรก

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมต้องเบี้ยวงานเลี้ยงที่นัดไว้กับเพื่อนฝูงกลุ่มหนึ่ง ให้ไปเจอกันตอนเที่ยงวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งโดยมิได้ตั้งใจไว้ก่อนเลย

เหตุเพราะตอนสัก 10 โมงเช้าเห็นจะได้ ระหว่างแต่งเนื้อแต่งตัวเตรียมออกเดินทางนั้นเอง ผมเผลอไปเปิดทีวีช่องรัฐสภาที่กำลังถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก เพื่อจะดูว่าบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง

คิดว่าคงไม่มีอะไรมากนัก เพราะข่าวหนังสือพิมพ์ช่วงเช้าพาดหัวเอาไว้ทุกฉบับแล้วว่า พรรคพลังประชารัฐกับพรรคที่สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้ตกลงกันเรียบร้อย ที่จะเสนอชื่อคุณชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร

ในขณะซีกฝ่ายตรงข้ามเห็นพ้องต้องกันว่าจะเสนอชื่อคุณสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นคู่แข่งขัน

ที่ไหนได้ พอดูมาถึงวาระเลือกประธานสภาฯ กับมีเหตุการณ์พลิกล็อกเมื่อทางพรรคพลังประชารัฐเสนอให้เลื่อนวาระนี้ออกไปก่อน

ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่าไม่ควรเลื่อน ลุกขึ้นมาอภิปรายคัดค้านอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน และไม่ยอมจบลงง่ายๆ

ผมก็เลยต้องโทรศัพท์ไปบอกพรรคพวกขอเบี้ยวงานเลี้ยง เพราะจำเป็นต้องนั่งดูให้จบว่าเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร

จากนั้นก็ยาวเลยครับ เพราะต้องมีการขอมติว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน เนื่องจากมีผู้เสนอมา 2 ฝ่าย

ใช้วิธีขานเป็นรายบุคคลทั้ง 497 รายชื่อ ที่มาประชุมและมีสิทธิในการออกเสียง ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ

จบแล้วก็ยังมี ส.ส.ฝ่ายพลังประชารัฐมาขอแก้ว่าที่ตอนแรกออกเสียงว่าไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนเป็นเห็นด้วยกับการเลื่อนอีก 4-5 ราย เสียเวลาถกเถียงกันไปอีก

แต่ในที่สุดท่านประธานสภาชั่วคราว ชัย ชิดชอบ ท่านก็วินิจฉัยไม่ให้ ส.ส.แก้มติตัวเองได้ โดยใช้คะแนนตามที่ ส.ส.แต่ละท่านประกาศไว้เดิม ซึ่งปรากฏว่าฝ่ายไม่เลื่อน คือฝ่ายของพรรคเพื่อไทยชนะหวุดหวิด 248 เสียงต่อ 246 เสียง แปลว่าไม่เลื่อน และต้องเลือกประธานไปตามวาระ

ครั้นพอเริ่มจะเลือกก็มีการประท้วงมีการตั้งข้อสังเกตมีโน่นมีนี่กันอีกเยอะ กว่าจะได้ลงมือเลือกเอาตอน 5 โมงกว่าๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเสร็จสักกี่โมงยาม

ผมมีความจำเป็นทางเทคนิคการพิมพ์ ต้องส่งต้นฉบับก่อนที่จะรู้ผลว่าใครแพ้ชนะ คงต้องไปเขียนแสดงความยินดีกับผู้ชนะและเสียใจกับผู้แพ้ในวันพรุ่งนี้ตามระเบียบ

สำหรับวันนี้ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นจากที่นั่งดูการประชุมมาเกือบทั้งวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าเศษๆ จนถึง 5 โมงเย็นเศษๆ ไปพลางๆ ก่อน

บอกตรงๆ ว่าผมไม่สบายใจเลย นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มต้นดูมาจนถึงวินาทีที่ต้องลุกจากหน้าจอมาเขียนต้นฉบับวันนี้

จากคะแนนเสียงที่ปริ่มน้ำของทั้ง 2 ฝ่ายจะทำให้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่ ซึ่งผมคาดว่าอย่างไรเสียก็คงจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงจะเหนื่อยแน่นอน

การต่อรองต่างๆ ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็คงจะมีอยู่ต่อไป เพราะขนาดวันแรกก็ยังมีลวดลายแสดงการต่อรองให้เห็นบ้างแล้ว ก็ไม่ทราบว่า จะกดดันและต่อรองกันไปอีกนานแค่ไหน

ในขณะที่ลีลาการค้านของพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ที่แสดงออกในวันนี้ก็เห็นชัดแล้วว่า ไม่เบาค้านได้ทุกประเด็นทุกเม็ด ทั้งที่เป็นสาระและบางครั้งก็เป็นเรื่องเบาหวิวที่ดูเหมือนไร้สาระ

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านนายกฯ คนเก่า แต่ต้องใช้วิธีบริหารใหม่จะยืนหยัดไปได้สักกี่น้ำ…นึกแล้วก็เหนื่อยแทนท่านจริงๆ

ในขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะเร่าร้อนทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และปัญหาเบร็กซิต ของอังกฤษ และน่าจะมีผลกระทบมาถึงไทย ที่ต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศอย่างมากในยุคนี้

รัฐบาลที่ง่อนแง่นลำพังแค่จะเอาตัวรอดยังเหนื่อยซะแล้ว จะไปสู้กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกได้อย่างไร?

ก็ขออนุญาตรำพึงรำพันตามประสาคนแก่อย่างนี้แหละครับ–– เฮ้อ! รู้งี้ไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนๆ ซะดีกว่า ไม่ควรอยู่ดูการถ่ายทอดสดการประชุมสภาฯ วันแรกให้ห่อเหี่ยวหัวใจเลยเรา.

“ซูม”