ถามรัฐบาล “4.0” ดีกว่า จะแก้ “PM2.5” อย่างไร?

ต้นฉบับของผมวันนี้ จะลงตีพิมพ์ในไทยรัฐฉบับวันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับพาดหัวข่าวเตือนว่า ค่าฝุ่นละอองจิ๋วหรือ PM2.5 ในเขต กทม.และปริมณฑล อาจจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง

หลังจากที่ค่อยๆ ลดความน่ากลัวลงไปบ้าง จนเหลือไม่กี่พื้นที่ เมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา เหตุเพราะมีกระแสลมแรงพัด เข้าสู่ กทม.และปริมณฑล แม้จะยังไม่มีฝน แต่ก็ทำให้ฝุ่นละอองเจือจางได้บางส่วน

แต่ในวันที่ 29 มกราคม กับวันที่ 30 มกราคม ความกดอากาศสูงจะแผ่วลงไปค่อนข้างมาก อันจะทำให้กระแสลมแผ่วลงไปมาก โดยเฉพาะช่วงคํ่าวันที่ 29 มกราคม จนถึงเช้าวันที่ 30 มกราคม อาจจะทำให้ฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นอีก

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยก่อนออกจากบ้านไปสู่ที่โล่งๆ หรือโหนรถเมล์ รถไฟฟ้าไปทำงาน แล้วต้องเดินต่อไปเข้าที่ทำงานอีกละก็ กรุณาสวมหน้ากาก N95 กันด้วยนะครับ

ถ้าไม่มี N95 เพราะยังหาซื้อไม่ได้ ก็คงต้องใช้อย่างธรรมดาไปก่อน แต่อย่างน้อยต้องเอา 2 แผ่นมาประกบกัน…เพราะขนาดนั้นแล้วผู้เชี่ยวชาญเขายังบอกว่าป้องกันเข้าฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ได้ 60-70 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง

หลังจากวันนี้แล้วหนังสือพิมพ์บอกว่าคนไทยก็คงจะต้องลุ้นต่อแบบวันต่อวันไปเรื่อยๆ ว่าจะมีลมแรงๆ มาช่วยอีกหรือเปล่า

หรือไม่ก็รอให้มีฝนหลงฤดูตกลงมาบ้างสักหลายๆ จั๊ก เพื่อมาช่วยดับเจ้าฝุ่นมหาภัยให้ลงไปกองกับดินเสียบ้าง

เพราะจะไปหวังการแก้ปัญหาอื่นๆ เช่น ฉีดน้ำ ก็มีปัญหาต่างๆ มากมาย เพราะเรามีฝุ่นมากเกินไป และกระจายกว้างเกินไปฉีดน้ำเท่าไรก็คงไม่พอ

ดังนั้นในช่วงที่รอลุ้นกันอยู่นี้ทางที่ดีที่สุดก็คือการสวมหน้ากากอนามัยเท่านั้น เวลาออกไปสู่ในที่โล่งๆ นอกบ้านหรือนอกสถานที่ทำงาน

ในส่วนของการแก้ปัญหาระยะยาวแบบเอาจริงเอาจัง ผมคิดว่าเป็น หน้าที่ของรัฐบาลหน้าหรือรัฐบาลใหม่เสียมากกว่า

เพราะขณะนี้ประเทศเรากำลังอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเลือกตั้งซึ่งหมายความว่าเรากำลังจะมีรัฐบาลใหม่ และแม้ในแนวทางตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะค่อนข้างชัดว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่โดยหลักการต้องสมมติว่า เราไม่รู้ว่าจะเป็นใคร? เอาไว้ก่อน

รัฐบาลปัจจุบันนี้จึงเปรียบเสมือนรัฐบาลรักษาการจะไปทำอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่โตในช่วงนี้ โดยมารยาทจึงไม่ควรกระทำ

จะต้องรอให้รัฐบาลใหม่ซึ่งสมมติ ว่าเรายังไม่รู้ว่าเป็นใคร? หรือพรรคไหน? มาทำเรื่องนี้ในอนาคต

ดังนั้นการแก้ปัญหาระยะยาวแบบที่หลายประเทศเขาทำคือย้ายโรงงานออกไปไกลๆ จำกัดการใช้รถยนต์ตลอดจนการใช้มาตรการแรงๆ ถึงขั้น ต้องออกกฎหมายหรือข้อบังคับต่างๆ ฯลฯ ล้วนแต่จะต้องรอรัฐบาลหน้าทั้งสิ้น

ส่วนรัฐบาลนี้ก็ขอให้ทำในเรื่องง่ายๆ ที่พอทำได้เท่านั้น เช่น การฉีดน้ำการทำฝนเทียมการแจกหน้ากากอนามัย N95 แก่ประชาชน คอยหมั่นวัดว่าที่ไหนดีที่ไหนแย่ แล้วออกข่าวทุกๆ วันเพื่อให้ประชาชนระวังตัว ฯลฯ

ขณะเดียวกันก็ควรตระเตรียมแพทย์ พยาบาล หรือโรงพยาบาลไว้ให้พอเพียง เพื่อว่าผู้คนล้มป่วยกันเยอะจะได้รับมือไหว

ส่วนที่จะแก้ปัญหาระยะยาวขอให้เอาไปเป็นนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ กันเสีย แถลงออกมาให้ชัดๆ และว่าจะทำเรื่องนี้ อย่างไรบ้างเมื่อได้รับเลือกมาแล้วจะได้มีความชอบธรรมที่จะลงมือทำทันที

พรรคที่จะต้องแถลงนโยบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็น พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของรัฐบาลชุดนี้ นั่นแหละครับ

หลายๆ คนที่เป็นกำลังหลักของพรรค เป็นผู้กำหนดนโยบาย Thailand 4.0 และประกาศว่าจะนำพาประเทศไทยไปสู่ 4.0 ดังที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว

จึงอาจจะมีประชาชนขี้สงสัยตั้งคำถามขึ้นมาได้ว่า ขนาดทุกวันนี้เราพัฒนามาได้แค่ 3.0 หรือ Thailand 3.0 เท่านั้น อากาศบ้านเรายังเป็นยุค PM2.5 ไปแล้ว คือมีฝุ่น PM2.5 เต็มไปหมด ถึงขั้นสีส้ม สีแดง ในหลายๆ พื้นที่

อีกหน่อยถ้าเป็นไทยแลนด์ 4.0 แล้ว เจ้า PM2.5 มันจะเพิ่มขึ้นหรือจะน้อยลง ช่วยตอบประชาชนด้วยก็แล้วกัน.

“ซูม”