เข้าฉายแล้วสำหรับหนังภาคแยกของ “Tranformers” คราวนี้ยกเอาเรื่องราวของ “Bumblebee” เจ้าหุ่นยนต์ตัวเหลืองมาเป็นพระเอก และเป็นเนื้อหาหลักของเรื่อง และถ้าใครคาดหวังว่าจะเหมือนกับภาคหลักละก็ บอกได้เลยว่าไม่เหมือนนะคะ
เรื่องราวนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ที่มาของเจ้า “Bumblebee” ว่าเป็นมายังไงถึงลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ได้ ทำไมถึงต้องใช้วิทยุในการพูดคุย และได้มาเจอกับสาวน้อย จึงเกิดเป็นความผูกพัน กลายเป็นเพื่อนรักกัน
อีโมอยากจะบอกว่าความชอบของหนังเรื่องนี้เสียงค่อนข้างแตก คือมีทั้งที่ชอบและไม่ชอบ คนที่เป็นแฟนสายโหดแบบระเบิดภูเขาเผากระท่อมเหมือน “Tranformers” ก็จะบอกว่ามันไม่สนุก เพราะเรื่องนี้ระเบิดภูเขาลูกเล็กๆ ตอนต้น ตอนกลางเรื่องนิดหน่อย และก็ตอนจบเรื่องเท่านั้น
ส่วนแฟนๆ บางกลุ่มก็จะบอกว่า “หนังดี” มีเรื่องราวของความเป็นเพื่อน ความผูกพัน ไม่ใช่ว่าไล่ยิงกันทั้งเรื่องเหมือนภาคหลัก จนน่าจะตั้งชื่อว่า “Bumblebee เพื่อนรัก” เสียมากกว่า
สำหรับอีโมแล้วเป็นแฟนกลุ่มที่ชอบ “Tranformers” ภาคหลักมากกว่า เพราะตื่นเต้นเร้าใจตลอดเรื่อง ส่วนเรื่อง “Bumblebee” นั้นดูแล้วตาปรือไปกว่าครึ่งเรื่อง ถ้าให้คะแนนก็สักประมาณ 6/10 คะแนน
แต่ถ้าเป็นสายที่ชอบหนังเรื่อง “Bumblebee เพื่อนรัก” นี้ก็จะให้คะแนน 9/10 เพราะมีความสมบรูณ์ ใส่ใจบท ทำให้หนังมีอารมณ์ที่หลากหลาย ไม่ใช่จะยิงกันอย่างเดียว จนบางคนถึงขั้นอยากได้ Bumblebee มาไว้ที่บ้านสักตัว
ส่วนเรื่องความสวยงามของเรื่องนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศย้อนยุคไปในช่วง ’80 เรื่องมุมกล้อง หรือเรื่องของ Computer Graphic ในการสร้างหุ่นยนต์ที่ยังคงได้คะแนนเต็มเหมือนภาคก่อนๆ
และถ้าใครที่เป็นโอตะ เป็นโอชิ ของ “น้องปัญญ์” BNK 48 ก็ไปดูผลงานการพากษ์ ครั้งแรกของน้องกันนะคะ เพราะน้องเป็นคนพากษ์ “ชาลี” นางเอกของเรื่อง ซึ่งช่วงต้นของหนังนั้นอาจจะเสียงเบา และถ่ายทอดอารมณ์ยังไม่ดี แต่พอเข้าช่วงหลังก็เริ่มทำได้ดีขึ้นกว่าช่วงแรกเยอะเลยค่ะ
อีโมก็ขอสรุปว่าเรื่องนี้เสียงแตกนะคะ อาจจะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ “Tranformers” ในสไตล์ของ “Bumblebee” ซึ่งก็ต้องไปดูและให้คะแนนกันเอาเองนะคะ
ป.ล. หนังจบแล้วอย่ารีบลุกนะคะ มีต่ออีกนิดนึง
อีโมชั่น