ข่าวเล็กๆ ในหน้าเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับเมื่อวานนี้ รายงานเอาไว้สั้นๆ ว่า ท่านผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า ปีหน้า สศค.จะเสนอให้กระทรวงการคลังเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบ 2
เพราะการลงทะเบียนรอบแรกที่เริ่มเมื่อปี 2560 จะครบ 2 ปีพอดี ถือเป็นเวลาเหมาะสมที่จะนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลเพื่อให้เห็นภาพ การช่วยเหลือที่ผ่านมาว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
ในรอบแรกมีการลงทะเบียนคนจนเอาไว้ประมาณ 14.5 ล้านคน ดังนั้น ในการลงทะเบียนใหม่ก็จะถือโอกาสคัดกรองไปด้วย ใครที่ไม่จนจริงก็จะถูกคัดออกไป
ผมอ่านข่าวนี้แล้วก็เกิดความรู้สึกขึ้น 2 ประการพร้อมๆ กัน…เห็นด้วย 1 ประการ และไม่เห็นด้วย 1 ประการครับ
เห็นด้วยที่จะมีการลงทะเบียนใหม่ และตรวจสอบข้อมูลใหม่ เพราะงวดที่แล้วทำงานกันอย่างเร่งรีบ ทำให้คนไม่จนจริงได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปด้วยจำนวนหนึ่ง
จะมากน้อยเพียงใดไม่ทราบได้ แต่ผมจำได้ว่ามีจดหมายร้องทุกข์ จดหมายฟ้องร้องเข้ามาถึงสื่อต่างๆ จำนวนพอสมควรระบุว่า คนจนไม่จริงแอบแฝงเข้าไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในหลายๆ ท้องที่ ในขณะที่คนจนจริงๆ กับตกสำรวจ
ผมยังเคยเอามาเขียนตำหนิเอาไว้ในคอลัมน์นี้ว่า คนไหนที่ไม่จนจริง แต่ “อยากจน” แอบแฝงเข้ามาเอาเงินจากภาษีอากร ซึ่งเป็นหยาดเหงื่อของปวงชนชาวไทย ไปใช้ประโยชน์ถือเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง
จริงๆ แล้วผมอยากให้ยกเลิกโครงการนี้ไปเลยด้วยซํ้า เพราะเกรงว่าจะเป็นภาระแก่รัฐบาลในอนาคต เพราะปี 2562 นี้ก็ตั้งงบประมาณไว้แล้ว 100,000 ล้านบาทอย่างที่เป็นข่าว
ถ้าไม่ยกเลิกเสียจะเป็นภาระทางการคลังต่อไปแน่นอน
แต่ถ้าคงไว้ที่จำนวนนี้หรือลดลงมาได้สักครึ่งหนึ่งเพื่อการช่วยเหลือคนจนในด้านที่จำเป็นจริงๆ ผมก็พอจะรับได้
ขอให้ผู้ถือบัตรเป็นคนยากจนตัวจริงเสียงจริงเท่านั้น…ไม่ใช่พวกตัวปลอมเสียงปลอมที่แอบแฝงเข้ามา
สำหรับประเด็นที่ 2 ที่ผมใช้คำว่า “ไม่เห็นด้วย” นั้น ก็ตรงที่เรื่องนี้ทางกระทรวงการคลังเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป
อย่างการแถลงเรื่องโน้นเรื่องนี้ จะทำอย่างโน้นอย่างนี้ ก็ใช้ท่าน ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งเป็นสำนักงานด้านแผนและนโยบายของกระทรวงการคลังมาเป็นผู้แถลง
ตอนเริ่มโครงการท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังถึงกับออกมาพูดเองด้วยซ้ำไป
รัฐบาลโดยเฉพาะทีมงานเศรษฐกิจท่านคงมีเหตุผลของท่านอยู่ในใจในการเลือกกระทรวงการคลังเป็นหัวเรือใหญ่สำหรับโครงการนี้ แทนที่จะไปเลือกกระทรวงอื่นๆ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคนจนโดยตรง
แต่โครงการอะไรที่มีคำว่า “แจกเงิน” เหมือนซานตาคลอสใจดีแจกของขวัญเด็กๆ…ผมไม่อยากให้กระทรวงการคลังรับไปทำเลยครับ
กระทรวงการคลังมีหน้าที่เก็บภาษีอากรจากประชาชน มีหน้าที่ในการเป็นแม่บ้านดูแลรายได้รายจ่ายของครอบครัวคือประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องกระเหม็ดกระแหม่ใช้เงินอย่างระมัดระวังรอบคอบ
ในยุคเก่า กระทรวงการคลังนั้นเคร่งครัดแบบปู่โสมเฝ้าทรัพย์เลยทีเดียว ซึ่งก็มากไป ระยะหลังๆ จึงพัฒนาให้รู้จักใช้จ่ายในเรื่องที่ควรใช้จ่ายมากขึ้น แต่ก็ยังเน้นเรื่องความรอบคอบ
ผมเห็นด้วยว่ากระทรวงการคลังยุคใหม่ไม่ควรเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์…แต่ผมยังไม่เห็นด้วยครับ หากกระทรวงการคลังยุคใหม่จะกลายไปเป็น “ถุงของขวัญ” ของซานตาคลอสอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้
ผมยังอยากเห็นภาพกระทรวงการคลังเป็นกระทรวงที่ละเอียดรอบคอบ แม้จะไม่ขี้เหนียวแต่ก็ไม่อีลุ่ยฉุยแฉกหรือแจกลูกเดียว
เพราะอย่าลืมอีกหน้าที่หนึ่งของกระทรวงการคลัง…คือท่านเป็นหน่วยงานเก็บภาษีจากประชาชน…ท่านจะต้องถนอมน้ำใจประชาชนคนเสียภาษีเอาไว้ด้วย โดยไม่แสดงให้ประชาชนเห็นว่าท่านเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย
การแจกจ่ายทั้งหลาย ถ้ามีควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงอื่นๆ หรือไม่ก็ตัวนายกรัฐมนตรีนั่นแหละ ไม่ใช่กระทรวงการคลังมาทำหน้าที่แจกให้เห็นๆ ซะเอง จะทำให้ประชาชนเสียความรู้สึกน่ะครับ
“ซูม”