ความในใจคนเสียภาษี “เงินเรา” แต่ “เขาแจก”

เมื่อวันพุธที่แล้วผมมีภารกิจส่วนตัวบางประการที่จะต้องออกไปดำเนินการนอกโรงพิมพ์ จึงต้องเขียนต้นฉบับล่วงหน้าทิ้งเอาไว้ อันเป็นผลให้ผมต้องกลายเป็นคน “ตกข่าว” มิได้เขียนถึงข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งที่พาดหัวยักษ์หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเช้าวันเดียวกัน

ได้แก่ข่าวรัฐบาลใจปํ้าทุ่มแจกเงินเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนจนรวมแล้วถึง 86,994 ล้านบาท นั่นแหละครับ

ดังนั้นในขณะที่คอลัมน์ส่วนใหญ่ของไทยรัฐ ตั้งแต่หน้า 3 หน้า 4 หน้า 5 หน้า 6 รวมไปถึงหน้า 8 ซึ่งเป็นหน้าเศรษฐกิจต่างพากันเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบำเพ็ญตนเป็น “ซานตาคลอส” ของรัฐบาล ในฉบับประจำวันศุกร์ที่ 23 พ.ย. อันเป็นผลพวงจากการเขียนในวันพุธที่ 21 พ.ย. อย่างพร้อมเพรียงนั้น

จึงมีแต่คอลัมน์ผมนี่แหละที่แหวกออกไปเขียนถึงคอนเสิร์ตของคุณเบิร์ด ธงไชย อยู่คนเดียว เพราะต้องเขียนล่วงหน้าอย่างที่ว่า

ก็เอาเถอะครับ แม้จะเพิ่งเขียนถึงวันนี้ เพราะหลังจากนั้นก็ติดคิวที่จะต้องเขียนเรื่องเที่ยวงาน เรื่องสนุกสนานแบบซอกแซกไปอีก 2 วัน…แต่ก็คงไม่ถือว่าช้าเกินไป

เพราะในเช้าวันเสาร์ที่ 24 พ.ย.วันที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐก็ยังพาดหัวข่าวตัวยักษ์บนหน้า 1 อยู่เลยว่า ลุงตู่ท่านพร้อมจะแจกอีกก้อนเพื่อข้าราชการผู้น้อยและผู้มีรายได้ปานกลางเป็นของขวัญปีใหม่

ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายลดแลกแจกแถมของรัฐบาลมาตั้งแต่ต้น และได้แสดงความคิดเห็นในเชิงไม่เห็นด้วยเอาไว้ทุกครั้งที่มีข่าวว่า รัฐบาลลงมือดำเนินการในเรื่องนี้

เพราะการแจกเงินอย่างเดียวไม่มีวันที่จะช่วยให้คนจนหลุดพ้นจากความยากจนได้ มีแต่จะทำให้เกิดความเคยตัว รอแต่จะรับแจกในงวดต่อๆ ไปเท่านั้น

ในการพัฒนาเพื่อช่วยเหลือคนยากคนจน ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงทรงสอนให้นักพัฒนาทุกคนยึดหลัก “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา”

เราจะต้องลงไปทำความเข้าใจกับคนจนก่อน โดยลงไปรู้จักเขาก่อน หรือลงไปคลุกคลีให้เขารู้จักเราเสียก่อน จนมีความเข้าใจซึ่งกันและกันการพัฒนาจึงจะเกิดขึ้นได้

ดังนั้นสิ่งที่จะต้องลงไปคือ “ใจ” เอาใจลงไปซื้อใจประชาชนเป็นเบื้องแรกมิใช่ขนเงินลงไปซื้อ เพราะเงินจะไม่มีวันชนะใจประชาชนได้ตลอดไป แถมยังจะทำให้บางคนบางกลุ่มเคยตัว รอแต่จะรับแจกไปเรื่อยๆ

นอกจากนั้นในหลักปรัชญาของการพัฒนาเขาก็จะพูดถึงการลงไปสอนให้คนรู้จักตกปลา ให้เขารู้จักตกเบ็ด ทอดแหหาปลา ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาเอาปลาไปแจก

เพราะจะทำให้ชาวบ้านตกปลาไม่เป็น ไม่รู้จักทอดแหตกปลาเพื่อหาปลากินเองและจะตั้งหน้าตั้งตารอรับแจกปลาเท่านั้น

ผมเคยวิจารณ์เคยตำหนิในประเด็นเหล่านี้ไปแล้ว ท่านก็บอกว่าจะทำเฉพาะครั้งแรก ต่อไปท่านจะสอนวิธีตกปลาละ

ก็ดูเหมือนว่าท่านจะทำอยู่บ้าง แต่ไม่ทราบว่าทำไปแล้วเกิดผลแค่ไหน…จู่ๆ ก็เงียบไปและหันมาใช้วิธีแจกอีกจนได้

ผมจึงขอร่วมขบวนการกับผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินของรัฐบาลครั้งนี้ โดยเฉพาะกับเพื่อนๆ คอลัมนิสต์ไทยรัฐของผมทุกคน

ทุกคอลัมน์ที่เขียนไปก่อนแล้ว ซึ่งผมอ่านดูแล้วไม่มีใครเห็นดีเห็นงามในการดำเนินการครั้งนี้แม้แต่คอลัมน์เดียว

ถ้าผมจะมีความคิดเห็นเพิ่มเติมบ้างก็เพียงเล็กน้อยว่าอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้ว ทางโรงพิมพ์ก็คงจะแจ้งให้ผมทราบว่าได้หักภาษีที่จ่ายผมไว้เท่าไร…เพื่อให้ผมเอายอดไปรวมกับรายได้จากแหล่งอื่นๆ ที่ผมหาได้ เพื่อเสียภาษีที่ถูกต้องอีกครั้งในเดือนมีนาคม

ทุกๆ ปีผมจะต้องเสียเพิ่มพอสมควร และอาจจะใช้คำว่ามากด้วยซ้ำสําหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างผมที่มีเงินเดือนจาก 2-3 ทาง

แต่ผมก็ไม่เคยปริปากบ่นแม้แต่คำน้อย เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของผมในฐานะคนไทยที่เมื่อมีรายได้ก็จะต้องเสียภาษีด้วยความเต็มใจ

แต่ปีนี้ผมคงจะต้องบ่นบ้างละครับ ที่ท่านเอาเงินภาษีของผมไปแจกชาวบ้านอย่างง่ายๆ แม้จะอ้างว่าแจกคนจน แต่ผมก็ยังรู้สึกเสียดาย เพราะมันไม่ใช่เป็นวิธีการที่ถูกต้อง

ถ้าเดือนมีนาคมปีหน้าผมจะเอาแบบ ภ.ง.ด.ไปยื่นแล้วค้อนใส่เจ้าหน้าที่สรรพากรหลายๆ ขวับ ก็อย่าโกรธผมเลยนะครับท่านอธิบดีกรมสรรพากร…กราบเรียนล่วงหน้าเอาไว้ซะก่อน.

“ซูม”