การเมืองเรื่องแร็ปๆ รู้ไว้…ไม่ตก “เทรนด์”

ผมจำเป็นจะต้องเขียนถึงเรื่อง “เพลงแร็ป” อีกสักวันแล้วละครับ เพื่อรายงานความคืบหน้าต่อจากเมื่อวานนี้

โดยเฉพาะเพื่อตอบความกังวลและห่วงใยของผมที่เกรงว่า เพลงแร็ปของรัฐบาล “THAILAND 4.0” จะผ่านหลักล้านได้หรือไม่หนอ? ในขณะที่เพลง “ประเทศกูมี” ของกลุ่ม RAD นั้น เกือบจะถึงหลัก 28 ล้านวิวอยู่รอมร่อ ในช่วงที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับวันวาน

เหตุที่ผมห่วงก็เพราะช่วงเวลาดังกล่าวผมค้นหาเพลงแร็ปของรัฐบาลไม่เจอ แม้จะคลิกเข้าไปในยูทูบหลายครั้ง

ปรากฏว่า เพราะผมพิมพ์ชื่อเพลงไม่ครบครับ ทางยูทูบก็เลยไม่ขึ้นให้

เป็นเหตุให้ผมต้องไปค้นข่าวอ่านอีกที และในที่สุดก็พบว่าชื่อเต็มๆ ของเพลงนี้คือ “แร็พ Thailand 4.0 คนไทยสู้ได้” จึงพิมพ์เข้าไปใหม่

คราวนี้โป๊ะเชะเลยครับ ได้ฟังเต็มๆ เพลงและได้เห็นยอดวิวที่ขึ้นไปถึง 1,504,289 ครั้ง แม้จะมีคนกดไลค์แค่ 1,427 ครั้ง แต่ดิสไลค์ถึง 28,874 ครั้ง ก็ช่างเหอะ อย่างน้อยก็เกินล้านครึ่ง จะเข้าสู่ 2 ล้านวิวอยู่รอมร่อ

ผมจึงต้องรีบมาเขียนต่อเนื่องอีกวัน ในวันนี้เพื่อที่จะบอกท่านผู้อ่านว่า ที่ผมเป็นกังวลว่าจะถึงหลักล้านหรือไม่นั้น…หมดกังวลแล้วครับ

ที่สำคัญระหว่างนั่งรถเข้าโรงพิมพ์ ผมได้ยินข่าววิทยุรายงานว่า ท่าน รมต.วิทยาศาสตร์ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ออกมายืนยันอีกครั้งว่า ท่านไม่ได้ตั้งใจจะทำเพลงนี้ขึ้นมาแข่งกับเพลงประเทศกูมี

โดยข้อเท็จจริงแล้ว ท่านเป็นคนชอบเพลงแร็ปเป็นชีวิตจิตใจ และเป็นแฟนๆ ของนักร้องแร็ปหลายคน จึงตั้งใจจะทำเพลงแร็ปเผยแพร่แนวคิดเรื่อง 4.0 และได้เตรียมไว้ก่อนประเทศกูมีด้วยซ้ำ

ข่าววิทยุยังบอกด้วยว่า ท่านออกมาแย้งคนที่วิจารณ์ว่า เพลงไทยแลนด์ 4.0 จะไม่ดัง เพราะไม่มีคำหยาบ ไม่ใช่แร็ปแท้ๆนั้น ท่านไม่เห็นด้วย…เพราะเพลงแร็ปไม่จำเป็นต้องหยาบ แต่งอย่างสุภาพก็ฮิตได้

ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ เพลงแร็ปที่ฮิตๆ ยอดวิวเกิน 100 ล้าน

ทุกเพลง มักจะมีเนื้อร้องแบบดิบๆ เต็มไปด้วยคำสบถสาบาน เอ่ยถึงสัตว์เลื้อยคลาน ที่คนโบราณเรียกว่า ตัวเงินตัวทอง อยู่ตลอดทั้งเพลง

ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ค่อยได้ยินได้ฟังเพลงแร็ปขนานแท้เท่าไรนัก เพราะไม่สามารถจะนำมาออกอากาศทางวิทยุ หรือโทรทัศน์ทั่วๆ ไปได้

ที่เราได้ฟังบ่อยๆ ก็มีของ ปู่จ๋าน ลองไมค์ ซึ่งมักจะมีเนื้อร้องและทำนองที่ไพเราะเพราะพริ้งนำร่องมาก่อน พอถึงท่อนแร็ปก็จะใช้คำพูดที่ไม่ดิบ หรือหยาบจนเกินไป เป็นที่ยอมรับของคนฟังหลายระดับ

รวมทั้งผมที่ยังพลอยชื่นชอบเพลง “ตราบธุลีดิน” ไปกับเขาด้วย และทำให้ผมเห็นด้วยกับท่านรัฐมนตรีว่า เพลงแร็ปไม่จำเป็นต้องหยาบก็ฮิตได้ ขอเพียงให้มีคำพูดที่โดนใจคนฟังก็แล้วกัน

ไหนๆ เราก็เขียนถึงเพลงแร็ปมาแล้ว 2 วัน ผมว่าเรามารู้จักเพลงแร็ปให้มากขึ้นสักนิดดีกว่าครับ โดยเฉพาะท่านผู้อ่านแฟนเก่าและแก่ของผมจำนวนมากคงจะไม่ค่อยคุ้นเท่าไรนัก

ใน วิกิพิเดีย สารานุกรมเสรี เขียนไว้ว่า “แร็ป (อังกฤษ rap) คือการพูดในลักษณะคำกลอนลงจังหวะเพลง โดยส่วนใหญ่จะใช้จังหวะเร็ว เป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบของวัฒนธรรมฮิปฮอป”

“Kool Herc ชาวจาเมกาในนิวยอร์กได้เริ่มการพูดลงบนเพลงประเภท แดนซ์ฮอลล์ ในคริสต์ทศวรรษ 1970 จนในคริสต์ทศวรรษ 1980 ความสำเร็จของวง รัน-ดีเอ็มซี ได้เปิดกว้างให้วงการเพลงแร็ป พอถึงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 ฮิปฮอปได้ก้าวเข้าสู่กระแสหลัก”

“ในคริสต์ทศวรรษ 2000 ฮิปฮอปใต้ดินเริ่มจะมีการใช้จังหวะที่สลับซับซ้อนมากขึ้น ท่วงทำนองในการพูด เนื้อคำกลอนที่ซับซ้อนและการเล่นคำอย่างสร้างสรรค์ เนื้อเพลงแร็ปมักถ่ายทอดชีวิตบนถนนที่เป็นที่มาของฮิปฮอป ผนวกกับอ้างอิงถึงวัฒนธรรมกระแสนิยมและคำสะแลงต่างๆ ศิลปินเพลงแร็ปชื่อดังของโลกได้แก่ Eminem, N.W.A., Kanye West, Drake, J.Cole”

ครับ! ก็หวังว่าคงจะพอช่วยให้ท่านผู้อ่านที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเพลงแร็ปพอจะมีความรู้เพิ่มขึ้น เพราะจะไม่รู้จะไม่เข้าใจก็ไม่ได้ซะด้วย เนื่องจากตอนนี้เพลงแร็ปเข้ามามีบทบาททางการเมืองในบ้านเรา เป็นเครื่องมือของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไปเรียบร้อย

ถึงท่านสุวิทย์จะบอกว่าไม่ชน ไม่ดวล แต่ยังไงๆ ชาวบ้านเขาก็จับท่านดวลจนได้แหละครับ อยากคลอดออกมาทีหลังเขานี่นา.

“ซูม”