ยืนยันได้อีกครั้ง กทม.“ตี 5” น่ารักที่สุด

ข้อเขียนของผมวันนี้ยังคงมีลักษณะเป็นบันทึกประจำวันอีกสักวันนะครับ เพราะอยู่ระหว่างการปรับตัวให้เข้ากับดินฟ้าอากาศ และสิ่งแวดล้อมของบ้านเรา หลังจากที่แว่บไปเผชิญความหนาวเย็นระดับ 6 องศาเศษๆ ที่รัสเซียซะหลายวันดังที่แจ้งให้ทราบไว้แล้ว

เรื่องราวและสาระสำคัญตลอดจนสิ่งละอันพันละน้อยที่รัสเซียผมขออนุญาตยกยอดไปเขียนในคอลัมน์ซอกแซก วันอาทิตย์นะครับ

สำหรับวันนี้คงต้องเขียนถึงเหตุการณ์เฉพาะหน้าไปพลางๆ ก่อนเพราะเป็นวันที่ผมมีนัดตรวจร่างกายประจำ 6 เดือน กับคุณหมอที่ดูแลโรคหัวใจของผมที่โรงพยาบาลรามาธิบดี พอดิบพอดี

คงไม่สามารถขีดเขียนเรื่องอะไรได้ล่ะครับ นอกจากเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่ผมเผชิญมาในวันนี้ ซึ่งก็น่าจะเป็นประโยชน์แก่พี่น้องชาว กทม.ทางซีกตะวันออกพอสมควร

ดังที่ทราบกันดีแล้วว่าชาว กทม.ด้านตะวันออกกำลังตกอยู่ในภาวะเหน็ดเหนื่อยอย่างสาหัสสากรรจ์กับปัญหาการจราจร เพราะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าพร้อมๆ กันถึง 3 สาย

ทำให้ถนนลาดพร้าว ถนนศรีนครินทร์ ถนนรามคำแหงไปจนถึงถนนรามอินทรา กลายเป็นถนนที่การจราจรติดขัดอย่างหนักหน่วง จนมีเสียงบ่นพึมพำทั้งเบาทั้งหนักมาตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมานี้

ผมเองต้องใช้ถนนลาดพร้าวเป็นหลัก เพื่อเข้าทำงานไทยรัฐ จึงต้องพลอยรับเคราะห์ไปกับเขาด้วย

จากบ้านมาไทยรัฐซึ่งต้องใช้ถนนลาดพร้าวระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร เมื่อก่อนนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงหรือ 45 นาที ซึ่งก็ถือว่านานพอสมควร แต่พอทนได้

ตั้งแต่ก่อสร้างรถไฟฟ้าเพิ่มมาเป็น 1 ชั่วโมงครึ่งโดยปกติ หรืออาจถึง 2 ชั่วโมงในวันที่ไม่ปกติ ซึ่งในระยะแรกๆ แทบจะทนไม่ได้เลยทีเดียว

แต่เพื่อความสุขในวันข้างหน้าเมื่อเรามีรถไฟฟ้าใช้แล้วทุกอย่างคงจะดีขึ้น ผมก็ทำตัวทำใจและพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับระยะเวลาที่ยืดออกไปเท่าที่สามารถจะทำได้

ความทุกข์สาหัสของคนมีโรคประจำตัวอีกโรคหนึ่งของผมก็คือ การที่ได้ดำรงตำแหน่ง รมต. ที่พลเอกประยุทธ์ไม่รับเข้าร่วมรัฐบาลนั่นแหละครับ…เพราะ รมต. ที่ผมเป็นย่อมาจาก “โรคต่อมลูกหมากโต” ไม่ใช่ รมต. ที่ย่อมาจากคำว่า รัฐมนตรี ของรัฐบาลนี้

รมต.อย่างผมจะต้องปัสสาวะทุกๆ 45 นาที หรืออย่างเก่งก็ชั่วโมงเศษๆ…ดังนั้นเมื่อต้องมาอยู่บนท้องถนนในเวลาเกินชั่วโมงเช่นนี้จึงทนทุกข์ทรมานอย่าบอกใคร

แต่หลังจากมีการปรับตัวและเตรียมตัวล่วงหน้าเอาไว้บ้าง เช่น จะดื่มนํ้าให้น้อยที่สุดก่อนออกจากบ้าน หรือต้องเข้าห้องนํ้าให้เรียบร้อยทุกครั้งก่อนขึ้นรถ ก็ทำให้ผมผ่อนหนักเป็นเบาไปได้พอสมควร

อย่างไรก็ตาม ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงที่พรรณนาโวหารมานี้ไม่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เมื่อผมออกจากบ้านบางกะปิไปโรงพยาบาลรามาธิบดีในวันนี้ตอนตี 5 เป๊ะ

ผมขึ้นรถเมล์ สาย 191 ที่แล่นผ่านหน้าบ้านไปออกถนนลาดพร้าวแล้วก็เปลี่ยนเป็นรถ สาย 8 ที่ได้ชื่อว่าเป็นสายที่โหดที่สุดของประเทศแถวๆ โชคชัย 4

ปรากฏว่าเช้าวันนี้ สาย 8 ไม่โหดร้ายครับไปเรื่อยๆ ธรรมดาๆ ถึงหน้าโรงพยาบาลรามาฯ ตี 5 กับ 55 นาที เท่ากับใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 1 ชั่วโมง…ไม่ติดไม่ขัดอะไรเลย วิ่งฉลุยตลอด

ผมเคยเขียนไว้ครั้งหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อนโน้นว่าตี 5 เป็นเวลาที่ดีที่สุด ถือเป็นเวลาสวรรค์สำหรับการจราจร กทม. ก็โดยประสบการณ์จากการขึ้นรถเมล์ไปตรวจร่างกายของผมนี่แหละ

มาถึงวันนี้ แม้จะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าจนถนนแคบลง แต่ช่วงเวลาตี 5 ก็ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการจราจรใน กทม.อยู่เหมือนเดิม

แต่ปัญหาก็คือใครจะออกจากบ้านตี 5 ได้ล่ะ เพราะแปลว่าจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ผมเองทำได้วันนี้เพราะนานๆ นัดหมอทีแต่จะให้ทำทุกวันคงไม่ไหวเหมือนกันละครับ

ก็คงต้องยอมรับชะตากรรมและพยายามทำใจ และปรับตัวต่อสู้กันต่อไป เขาบอกไว้เมื่อ 3 เดือนก่อนว่า 3 ปีครึ่งจะเสร็จ…นับมาถึงตอนนี้ก็เหลืออีก 3 ปี 3 เดือนเท่านั้น อดทนกันต่อไปนะครับ พี่น้องชาว กทม.ซีกตะวันออกทั้งหลาย.

“ซูม”