แว่บไป “รัสเซีย” มาครับ

ผมกลับมาเขียนหนังสือที่โรงพิมพ์ไทยรัฐเรียบร้อยแล้วนะครับ ตั้งแต่วันจันทร์ หลังจากหลบไปชาร์จแบตเตอรี่ซะ 7 วัน 7 คืน ที่สหพันธรัฐรัสเซีย หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่าประเทศรัสเซีย 1 ใน 5 มหาอำนาจของโลกยุคปัจจุบัน

ปเที่ยวมา 2 เมืองครับ คือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กับ มอสโก เมืองใหญ่และเมืองประวัติศาสตร์ของเขาทั้งคู่ ได้ดูทั้ง วัด (โบสถ์) ทั้ง วัง และได้สัมผัสกับอากาศหนาวเย็นกำลังดี เช้าๆ 5 องศาเซลเซียส บ่ายๆ 14-15 องศาเซลเซียส โดยตลอด

แถมด้วยอาหารอร่อยๆ หลายๆ มื้อ…เชื่อว่าน่าจะได้พลังกลับมาเต็มแบตเตอรี่ประจำตัวผม หากไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ก็น่าจะ 98-99 เปอร์เซ็นต์…สดชื่นแจ่มใสและกระปรี้กระเปร่าไปได้อีกหลายวัน ว่างั้นเถอะ

เหตุที่ผมเลือกไปรัสเซียงวดนี้ ก็เนื่องมาจากความฝันส่วนตัวที่อยากจะไปเห็นอยากจะไปเดินลุยเดินเที่ยวประเทศนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในฐานะพลเมืองไทยที่เติบโตมากับยุคสงครามเย็นแบ่งโลกออกเป็น 2 ฝ่าย มาตั้งแต่ผมยังเด็กๆ

ได้ยินคำว่า “รัสเซีย” มาตั้งแต่จำความได้ และมักจะได้ยินในฐานะ “ผู้ร้าย” ของโลกซะมากกว่า เพราะรัสเซียเป็นพี่เอื้อยของโลกคอมมิวนิสต์ ที่อยู่คนละฟากกับโลกทุนนิยมหรือเสรีนิยม ที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นแกนนำ

ประเทศไทยเราอยู่ฝ่ายอเมริกามาโดยตลอด จึงมองว่ารัสเซียเป็นผู้ร้าย หรือในบางยุคบางสมัยมองเป็นยักษ์เป็นมารไปก็มี

ต่อมาเมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไปการเผชิญหน้าระหว่าง 2 ลัทธิยุติลง เพราะต่างหันมาใช้ลัทธิเดียวกันทั้งหมดคือ “ทุนนิยม” ส่งผลให้ประเทศ สังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์ ค่อยๆ เปิดประตูออกมาต้อนรับชาวโลก หลังจากปิดประเทศมาเป็นเวลายาวนาน

ผมซึ่งมานั่งทำข่าวหนังสือพิมพ์อยู่หลายปี จึงมีโอกาสดีได้ไปเยี่ยมเยือนประเทศที่เคยเป็นสังคมนิยมมาหลายๆ ประเทศ ขาดอยู่ก็แต่พี่เอื้อยใหญ่ของเขาคือประเทศ “รัสเซีย” นี่แหละครับ

ความจริงก็มีจังหวะจะได้ไปหลายหนแต่ก็ติดขัดโน่นนี่จนทำให้ต้องพลาดอยู่เสมอๆ

มาคราวนี้ได้โอกาสเหมาะทุกอย่าง พรรคพวกเพื่อนฝูงคนรู้ใจจะไปกันแค่ 7-8 วัน และจะไปเที่ยวอย่างเดียวเลย ไม่มีเรื่องงานเรื่องการมาเกี่ยวข้อง นับว่าลงตัวทุกอย่าง จึงตัดสินใจจัดกระเป๋ากระโดดขึ้นเครื่องบิน ของการบินไทย ติดตามเพื่อนพ้องไปสู่รัสเซียด้วยประการฉะนี้

7 วัน 7 คืน ของการเดินทางงวดนี้ ผมยอมรับว่าโดยส่วนตัวแล้ว ผมได้รับความรู้กลับมาเพียบชนิดถ้าเอาไปขึ้นเครื่องชั่งของสายการบิน ก็คงนํ้าหนักเกินแน่ๆ โดยเฉพาะความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ต่างๆ

ซึ่งก็คงจะทยอยนำมาเขียนในคอลัมน์ซอกแซกได้อีกพักใหญ่ๆ

แต่สำหรับวันนี้ ผมขอพูดถึงความรู้สึกทั่วๆ ไปของผมที่มีต่อรัสเซียไปก่อนก็แล้วกัน

ในภาพรวมผมชอบความสะอาดสะอ้าน และความมีระเบียบวินัยของคนรัสเซียครับ แม้หน้าตาคนรัสเซียจะไม่ยิ้มแย้มเท่าไรนัก แต่ส่วนใหญ่จะมีอัธยาศัยไมตรีค่อนข้างดี

แต่ก็นั่นแหละอาจเป็นเพราะอยู่ในระบอบสังคมนิยมมานาน คนรัสเซียจึงดูบึ้งๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ผู้หญิงแม้โดยเฉลี่ยจะสวยมากกว่าไม่สวย แต่ก็กลายเป็น “หญิงยิ้มยาก” เสียเกือบทั้งหมด

อีกอย่างหนึ่งประเทศเขาเคยมีช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนค่อนข้างมาก จนต้องกลายเป็นคอมมิวนิสต์ แม้จะกลับมาสู่ระบอบทุนนิยมแล้วก็ยังมีคนจนอยู่อีกมาก ตัวเลขล่าสุดชี้ชัดว่ายังมีอยู่ถึง 14 เปอร์เซ็นต์

เวลาไปไหนมาไหนจึงต้องระวังกระเป๋าสตางค์ขอเราให้ดีๆ เพราะคนจนรัสเซียจำนวนไม่น้อยที่หันมายึดอาชีพ “ล้วงกระเป๋า” และจะแฝงตัวออกมาล้วงในทุกๆ แหล่งท่องเที่ยว

นับว่าคณะของผมชุดนี้โชคดี 2 ชั้นครับ คือ สามารถผ่านรัสเซียมาได้โดยไม่มีใครโดนล้วงกระเป๋าเลย ข้าวของเงินทองอยู่กันครบถ้วน

สำหรับโชคดีประการที่ 2 ได้มาจาก สายการบินไทย ที่เราใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งก็ปรากฏว่าไม่ ดีเลย์ เลยทั้งเที่ยวไปเที่ยวกลับ โดยเฉพาะเที่ยวกลับ พวกเราลุ้นกันมากว่าจะเหมือนเที่ยว ซูริก–กรุงเทพฯ หรือเปล่าหนอ? จะต้องรอ 2 ชั่วโมงครึ่งหรือไม่หนอ?

ปรากฏว่าไม่เหมือนครับ เพราะนอกจากไม่ดีเลย์แล้วกัปตันเที่ยวเรายังบินถึงสุวรรณภูมิเร็วกว่ากำหนดตั้ง 15 นาทีแน่ะ…ขอบคุณนะครับกัปตันเที่ยวมอสโก–กรุงเทพฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว.

“ซูม”