ผมเขียนผ่านคอลัมน์นี้ไปเมื่อ 2–3 วันก่อนว่า นักธุรกิจที่อยู่ในแวดวงท่องเที่ยวบ่นกันมากว่านักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะในช่วง “สัปดาห์ทองคำ” หรือช่วงหยุดยาวในเทศกาลฉลองวันชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ยกตัวอย่างที่ภูเก็ต ซึ่งเครื่องบินเช่าเหมาลำหายไปครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อน และห้องพักโรงแรมต่างๆ ว่างไปเกือบครึ่งเช่นกัน
ทำให้เป็นห่วงว่าขนาดเทศกาลท่องเที่ยวยังเป็นเช่นนี้…ในช่วงเวลาธรรมดาๆ จะหนักขนาดไหน? รวมทั้งหากปล่อยซึมยาวไม่หาทางแก้ไข อะไรเลยอาจจะยืดเยื้อต่อไปถึงปีหน้า ปีโน้น
คราวนี้แหละตำแหน่งแชมป์ที่ว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวนึกถึงมากที่สุดในโลกอาจจะต้องหลุดลอยไป
ไม่ใช่ผมเขียนถึงคนเดียวนะครับ เมื่อวันวานนี้เอง คุณ นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย ก็เขียนด้วยความห่วงใยเรื่องทัวร์จีนที่ลดลงในช่วงเทศกาลวันหยุดวันชาติจีนเช่นเดียวกัน
หยิบยกข้อมูลและสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้ยอดตกมานำเสนอในคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” อย่างละเอียดลออมากกว่าผมเสียอีก
รวมทั้งมีข้อติงข้อเตือนที่น่าสนใจหลายๆ ประการที่ผมหวังว่ารัฐบาลควรจะนำไปพิจารณาโดยเร็ว
ปรากฏว่าก่อนที่จะเขียนต้นฉบับวันนี้ ผมเปิดหน้าเศรษฐกิจของไทยรัฐก็พบกับข่าวการแถลงของท่านปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ เกี่ยวกับเรื่องนี้พอดิบพอดี
ท่านบอกว่า ระหว่าง 1-7 ต.ค.ที่ผ่านมา หรือโกลเด้นวีก มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทย 180,807 คน ขยายตัว 2.77% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าจะมีการใช้จ่ายระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย 10,205 ล้านบาท ซึ่งขยายตัว 4.82 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“แม้ว่าการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนดังกล่าวจะต่ำกว่าการขยายตัวในช่วงครึ่งปีแรก แต่อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ”
เหตุที่ท่านปลัดฯ พอใจนั้น ท่านให้เหตุผลว่า เพราะเป็นสถานการณ์ที่สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภูมิภาค เช่น นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเวียดนามหดตัวในเดือนสิงหาคม คนจีนกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนกันยายนลดลงกว่า 5.59 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี
รวมไปถึงดัชนีตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ที่เคยสูงถึง 3,470 จุด ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 2,717 จุด หรือลดลง 22.7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีผลต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวจีน
ท่านสรุปในที่สุดว่า ท่านยังคงให้ความสำคัญต่อนักท่องเที่ยวจีนอยู่ และจะดำเนินการต่อไป
โดยจะเน้นในด้านความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ตลอดจนการสร้างความพึงใจแก่นักท่องเที่ยวรวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ และดำเนินการด้านการตลาดอื่นๆ เป็นหลัก
ฟังๆ ดูแล้วดูเหมือนท่านจะยังคงมองโลกในแง่ดี และยังคิดว่าสถานการณ์ที่ภาคเอกชนด้านท่องเที่ยวห่วงใยนั้นยังมีทางที่จะแก้ไขได้ และมิได้หนักหนาอย่างที่คิด
คนกลางๆ อย่างผมฟังทั้ง 2 ฝ่ายแล้วก็งงๆ ซีครับ เพราะไม่รู้จะเชื่อใครดีระหว่างภาคเอกชนกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ?
แต่ในที่สุดผมก็คิดว่าผมคงต้องเชื่อภาคเอกชนเสียมากกว่า เพราะมันเป็นความอยู่รอด หรือความเป็นความตายของพวกเขา ถ้าไม่เดือดร้อนจริงเขาคงไม่ออกมาบ่น หรือขอความช่วยเหลือ รวมทั้งฝากให้รัฐบาลหาทางแก้ปัญหาอยู่ในขณะนี้
ผมจึงหวังว่าคณะรัฐมนตรีคงจะไม่นิ่งเฉย หรือดูดายในกรณีนี้และอย่าเพิ่งเชื่อหรือพอใจง่ายๆ เช่นที่ท่านปลัดแถลงว่า ลดเพราะเศรษฐกิจจีนเริ่มแย่ หรือเพราะโน่นนี่อย่างที่ท่านบอก
อาจจะใช่ก็ได้ แต่ต้องดูเหตุผลอื่นด้วย อย่าด่วนสรุปนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นตีโจทย์ผิดไปเสียอีก
จะทำให้เราแก้ปัญหาผิดๆ และในที่สุดอาจจะต้องสูญเสียรายได้หลักของประเทศจากการท่องเที่ยวไปอย่างน่าเสียดาย.
“ซูม”