ซอกแซกสุดสัปดาห์นี้ ขอนำท่านผู้อ่านไปไกลถึงอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือประมาณ 130 กิโลเมตร เพื่อจะแวะไปชมสวน “อินทผลัม” สวนแรกของประเทศไทย ณ “บ้านสวนโกหลัก” ซึ่งปักหลักอยู่ที่ตำบลศรีดงเย็นของอำเภอเดียวกันนี้
ทีมงานซอกแซกได้ยินชื่อเสียงและกิตติศัพท์ของ “โกหลัก” หรือ ดร.ศักดิ์ ลำจวน ศิษย์เก่าแม่โจ้ ชาวเชียงใหม่ มานานแล้วว่าเขาได้ใช้เวลาทดลองพัฒนาเมล็ดพันธุ์อินทผลัม พืชผลของตะวันออกกลางอยู่ถึง 20 ปี จนสามารถปลูกได้ในประเทศไทย และพัฒนาต่อมาจนเป็นสวนผืนใหญ่ ปลูกอินทผลัมออกจำหน่ายทั้งสดและอบแห้งจนโด่งดังไปทั่วประเทศไทยและอาเซียนในขณะนี้
ดังนั้นเมื่อทีมงานซอกแซกได้รับจดหมายเชิญจากคุณ นงนุช นามวงศ์ ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์อาวุโสของเครือ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ให้ไปเยี่ยมชม “สวนโกหลัก” ตัวจริงเสียงจริง ณ สถานที่ตั้งจริง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเพื่อนๆ สื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง จึงตกปากรับคำด้วยความยินดี
คณะสื่อมวลชนไปพักที่เชียงใหม่หนึ่งคืนและออกเดินทางจากเชียงใหม่ในช่วงสายๆ ของวันเสาร์ที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ไปตามทางหลวง 107 ถึง อ.ไชยปราการ โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ เลาะไปตามถนนเลียบผ่านภูเขาที่สวยงาม
บ้านสวนโกหลัก ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 37 หมู่ที่ 1 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ มีป้ายบอกเอาไว้ชัดเจน เมื่อไปถึงจะพบกับป้ายหน้าประตูทางเข้าที่จะออกแบบเป็นเสาและประตูสไตล์ญี่ปุ่น เขียนอักษรภาษาไทยคำว่า “โกหลัก” คล้ายอักษรญี่ปุ่น และมีคำอธิบายเพิ่มเติมว่า “สวนอินทผลัมแห่งแรกในประเทศไทย”
โกหลักยืนรอรับคณะของเราอยู่ที่นี่ และเชิญชวนให้แวะห้องอาหารที่ออกแบบเป็นคอฟฟีช็อปสไตล์ญี่ปุ่นเช่นกัน พร้อมกับจัดอาหารกลางวันมาต้อนรับ ซึ่งเป็นเมนูที่มีจำหน่ายเป็นประจำที่ห้องอาหารประจำสวนแห่งนี้
แน่นอนนอกจากข้าวมันไก่ “นารา” ตั้งตามชื่อคอฟฟีช็อปแล้ว ก็จะมีผลิตผลของ อินทผลัม มาให้ลองลิ้มหลายๆ อย่าง รวมทั้ง “ขนมครก” โรยอินทผลัม น้ำอินทผลัม และ “ยำอินทผลัม” รสแซ่บนิดๆ แต่อร่อยอย่าบอกใครเชียว
ระหว่างรับประทานอาหาร ดร.ศักดิ์ ลำจวน หรือโกหลัก เล่าให้พวกเราฟังว่า ตนเองเป็นศิษย์เก่า รุ่นที่ 36 จบจากวิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ เมื่อปี 2517
ต่อมารัฐบาลได้ยกฐานะวิทยาลัยขึ้นเป็น สถาบัน เทคโนโลยีการเกษตร แม่โจ้ เขาก็กลับมาเรียนต่อจนจบปริญญาตรี เมื่อ พ.ศ.2523 และได้สมัครเข้าทำงานกับ ธนาคารกรุงเทพ สาขาฝาง ในตำแหน่งพนักงานสินเชื่อ ตั้งแต่ พ.ศ.2524 จนถึง พ.ศ.2545 จึงลาออกมาประกอบอาชีพการเกษตรเต็มตัว
เขาเล่าถึงสาเหตุที่ตัดสินใจในการเริ่มต้นทดลองปลูกอินทผลัมในประเทศไทยว่า วันหนึ่งไปเที่ยวอิสราเอลกับเพื่อนๆ เห็นคนเคี้ยวอินทผลัมสดแล้วคายเม็ดทิ้ง ทำให้เขาเกิดความสงสัยว่าถ้านำมาปลูกในประเทศไทยมันจะขึ้นไหมหนอ?
เขาเก็บเม็ดอินทผลัมกลับมาเมืองไทย ด้วยพร้อมกับเริ่มทดลองปลูกโดยมีเพื่อนๆ ที่เคยเรียนแม่โจ้ด้วยกันมาร่วมในโครงการด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็ต้องพบกับปัญหาอุปสรรคหลายๆ รูปแบบ แต่ด้วยความใจสู้ แม้จะล้มเหลวก็ลองต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็พบกับความสำเร็จ สามารถปลูกต้นอินทผลัมจนเจริญเติบโต และมีผลดกงดงาม รสชาติเหมือนของเดิมทุกประการ
โกหลักจดทะเบียนสายพันธุ์อินผลัมฉบับเมดอินไทยแลนด์ของเขาว่าพันธุ์ KL1 (maejo36) เพื่อเป็นเกียรติแก่สถาบันการศึกษาที่ให้ความรู้และวิชาชีพแก่เขา แต่คนทั่วไปมักจะเรียกกันสั้นๆ ว่า KL1 ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้รับเกียรติจากสถาบันที่เขารักประสาทปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ให้เป็นการตอบแทนเมื่อเดือนมีนาคม 2557 ที่ผ่านมา
ด้วยรสชาติที่ไม่แพ้อินทผลัมแท้จากประเทศต้นกำเนิดทำให้อินทผลัมไทย KL1 ของเขาติดตลาดอย่างรวดเร็ว และโด่งดังไปถึงประเทศเพื่อนบ้านร่วมอาเซียนอย่างอินโดนีเซียและมาเลเซียที่ส่งเจ้าหน้าที่มาดูงานด้านการเพาะปลูกที่สวนโกหลักหลายครั้ง
ดร.ศักดิ์ ลำจวน จบคำบอกเล่าของเขาพร้อมกับอาหารมื้อกลางวันอันแสนอร่อย ด้วยการเชิญชวนคณะสื่อมวลชนออกไปชมสวนอินทผลัมที่อยู่ข้างหน้า และถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
ทีมงานซอกแซกใช้เวลาเดินชมไปรอบๆ อยู่พักหนึ่งมองเห็นทิวต้นอินทผลัมขึ้นเรียงราย ออกไปไกลพอสมควรทีเดียว เห็นแล้วก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ประเทศไทยของเราก็สามารถปลูกพืชพันธุ์ที่ไม่มีใครคิดว่าเราจะปลูกได้ และกำลังจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกอีกประการหนึ่ง
ท่านผู้อ่านที่สนใจจะแวะไปชมบ้านสวนโกหลัก สามารถติดต่อขอรายละเอียดได้ที่ 09-2542-6544, 08-9202-5298 และ 08-2197-4444
ส่วนท่านที่สนใจใคร่ลิ้มลองอินทผลัมสดจาก “สวนโกหลัก” ต้นตำรับอินผลัมเมดอินไทยแลนด์เจ้าแรก ขอเชิญแวะไปที่ กูร์เมต์ มาร์เก็ต และ โฮมเฟรชมาร์ท ของ เดอะมอลล์ ทุกสาขา รวมทั้งที่ ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอ-เทียร์ และ พารากอนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ซึ่งจะมีจำหน่ายเนื่องในเทศกาล “อินทผลัมสดจากเชียงใหม่” ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายนนี้
ปีนี้เชิญสัมผัสรสชาติของพันธุ์ KL1 ไปก่อนนะครับ ทราบว่าโกหลักทดลองปลูกพันธุ์ KL2 และ KL3 ไว้บ้างแล้ว มีทั้งลูกรีๆ และกลมๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่า หวานกว่า กรอบกว่า…ปีหน้าได้ลิ้มรสแน่นอน.
“ซูม”