เปิดตัว iPhone X ปี 2018 ทั้งหมด 3 รุ่น

iPhone ใหม่ประจำปี 2018 เปิดตัวไปเมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 12 กันยายน 2561 (เวลาประเทศไทย) โดยเปิดตัวทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน คือ iPhone XS, XS Max และ XR 

เราไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงมาว่ากันด้วยเรื่องของ “จุดเด่น” ของทั้ง 3 รุ่นกันดีกว่าครับ

iPhone XR (อ่านว่า ไอ-โฟน-เท็น-อาร์) มีให้เลือก 6 สีด้วยกันคือ สีแดง, สีเหลือง, สีขาว, สีส้ม, สีดำ และสีฟ้า ความจุ 64, 128 และ 256 GB จอ LCD ขนาดจอ 6.1 นิ้ว เป็นหน้าจอเต็ม ไม่มีปุ่ม Home กล้องหลัง 1 ตัว 12 MP (f 1.8) สามารถถ่าย Portrait ได้ ส่วนกล้องหน้า 7 MB (f 2.2) ถ่ายวิดีโอ 4K มี Face ID กันน้ำได้ลึก 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที

ราคาเริ่มต้นที่ 
iPhone XR 64GB – $749  (ประมาณ 29,000 บาท)
iPhone XR 128GB – $799  (ประมาณ 32,500 บาท)
iPhone XR 256GB – $899  (ประมาณ 36,500 บาท)

iPhone XS (อ่านว่า ไอ-โฟน-เท็น-เอส) มีให้เลือก 3 สีด้วยกันคือ สีทอง, และสีดำ ความจุ 64, 256 และ 512 GB จอ Super Retina ขนาดจอ 5.8 นิ้ว เป็นหน้าจอเต็ม ไม่มีปุ่ม Home กล้องหลัง 2 ตัว 12 MP (f 1.8) สามารถถ่าย Portrait ได้ ส่วนกล้องหน้า 7 MB (f 2.2) ถ่ายวิดีโอ 4K มี Face ID กันน้ำได้ลึก 2 เมตร เป็นเวลา 30 นาที

ราคาเริ่มต้นที่ 
iPhone XS 64GB – $999  (ประมาณ 40,500 บาท)
iPhone XS 256GB – $1149  (ประมาณ 46,500 บาท)
iPhone XS 512GB – $1349  (ประมาณ 53,500 บาท)

iPhoneXS Max (อ่านว่า ไอ-โฟน-เท็น-เอส-แม็กซ์) มีให้เลือก 3 สีด้วยกันคือ สีทอง, และสีดำ ความจุ 64, 256 และ 512 GB จอ Super Retina ขนาดจอ 6.5 นิ้ว เป็นหน้าจอเต็ม ไม่มีปุ่ม Home กล้องหลัง 2 ตัว 12 MP (f 1.8) สามารถถ่าย Portrait ได้ ส่วนกล้องหน้า 7 MB (f 2.2) ถ่ายวิดีโอ 4K มี Face ID กันน้ำได้ลึก 2 เมตร เป็นเวลา 30 นาที ซึ่งโดยรวมแล้วจะคล้ายๆ กับ iPhone XS แต่ต่างกันที่ขนาดหน้าจอ และรายละเอียดปลีกย่อย

ราคาเริ่มต้นที่ 
iPhone XS Max 64GB – $1099  (ประมาณ 44,500 บาท)
iPhone XS Max 256GB – $1249  (ประมาณ 50,500 บาท)
iPhone XS Max 512GB – $1449  (ประมาณ 57,500 บาท)

ความน่าสนใจของทั้ง 3 รุ่นคือ รองรับ 2 ซิม ซิมอันหนึ่งเป็นแบบ Physical Sim อีกอันหนึ่งเป็น e-Sim ยกเว้นที่ประเทศจีนที่จะมีถาดใส่ซิม 2 อัน และทั้ง 3 รุ่นจะไม่มีปุ่ม Home จะใช้สแกนใบหน้าแทน รวมไปถึงความสามารถของเทคโนโลยี AR ที่ดูจะจับต้องได้และเป็นประโยชน์มากขึ้น

iPhone ทั้ง 3 รุ่นนั้นจะเปิดขายไม่พร้อมกันทั่วโลก ของประเทศไทยจะขายเป็นกลุ่มที่ 3 น่าจะประมาณกลางเดือนตุลาคม (ซึ่งต้องติดตามกันอีกที)

นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Apple Watch Series 4 อีกด้วย โดยมีจุดเด่นคือพื้นที่ขนาดจอใหญ่ขึ้น 30% แสดงผล 8 แอปพลิเคชั่นใน 1 หน้าจอ Watch Face ใช้ชิพใหม่ วัดได้ว่าผู้ส่วมใส่กำลังล้มหรือเปล่า? แล้วเชื่อมต่อกับ Siri เพื่อโทรขอความช่วยเหลือได้เลย รวมทั้งวัดอัตราการเต้นว่าผิดจังหวะหรือเปล่า เพื่อแจ้งเตือนผู้ใส่

ทีมงานซอกแซกดูจากสเปคแล้วขอบอกว่ามันน่าใช้เสียจริงๆ แต่งานนี้คงกระเป๋าเบาไปตามๆ กัน เพราะราคาสูงเสียเหลือเกิน