ชื่นชมผู้โดยสารรถตู้ไทย “ระเบียบวินัย” ระดับโลก

เมื่อสัก 2 สัปดาห์ที่แล้ว ผมเขียนเรื่องฝนตกหนักรถติดมากในตอนเย็นๆ ค่ำๆ ของ กทม. โดยเฉพาะเย็นหรือค่ำวันศุกร์จะเป็นวันที่สาหัสที่สุดของประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง

หนึ่งในตัวอย่างของประชาชนที่ผมหยิบยกมาเขียนเล่าสู่กันอ่านในคอลัมน์นี้ก็คือ “ผู้โดยสารรถตู้” ที่มีอยู่มากมายหลายจุด…แต่จุดที่ผมพบเห็นด้วยสายตาตัวเองเมื่อคืนฝนตกหนักศุกร์โน้น ก็คือผู้โดยสารที่เข้าคิวรออยู่ที่หน้า สวนจตุจักร หลังโรงพิมพ์ไทยรัฐนี่เอง

ผมยืนหลบฝนอยู่บนสถานี BTS หมอชิต มองลงไปข้างล่าง เห็นพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้จำนวนหลายๆ ร้อยคน หรืออาจจะถึงหลักพันคนด้วยกระมัง ยืนเข้าแถวในลักษณะ “เข้าคิว” หรือต่อคิวยาวเหยียดเลื้อยไปเลื้อยมารวม 2 แถวด้วยกัน

ชูร่มขึ้นเหนือศีรษะเพื่อกันฝน มองแต่ไกลจึงเหมือนแถวลูกกวาดหลากสี แถวใหญ่ 2 แถว เรียงกันอยู่เป็นตับ

วันศุกร์ดังกล่าวนั้นเป็นวันที่รถติดอย่างหนักมากที่สุดวันหนึ่งของปีนี้ และแทบไม่มีรถตู้แวะเข้ามารับเลย ในช่วงเวลากว่า 20 นาทีที่ผมยืนดูเหตุการณ์จนต้องกลับมาเขียนตั้งข้อสังเกตุด้วยความห่วงใยในคอลัมน์นี้ว่า พวกเขาจะกลับถึงบ้านกี่โมงกี่ยามกันหนอ?

อีกหลายวันต่อมารวมทั้งเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งเป็นเย็นวันศุกร์ที่โชคดี ไม่มีฝนช่วงบ่ายค่ำ ผมก็ยังเห็นคิวผู้โดยสารรถตู้ยาวเหยียดทั้ง 2 คิวเช่นเดิม ที่หน้าสวนจตุจักร

เพียงแต่คราวนี้คิวสั้นลง เพราะมีรถตู้แล่นปราดเข้ามารับได้อย่างค่อนข้างถี่ เดี๋ยวคันเดี๋ยวคันตลอดเวลาที่ผมยืนดูอยู่ ทำให้คิวซึ่งแม้จะยังยาวอยู่ แต่ไม่ยาวเลื้อยไปเลื้อยมาเหมือนเมื่อวันฝนตกหนัก ดังที่ผมได้ เขียนไว้ครั้งแรก

ที่สำคัญไม่มีร่มหลากสีเหมือนแถวลูกกวาดมาช่วยแต่งเติมภาพเข้าคิวให้สวยงามเหมือนเมื่อวันโน้นแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ผมขออนุญาตเรียกพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้ว่า “มนุษย์รถตู้” นะครับ เพราะชีวิตของพวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยรถตู้เป็นหลักในการเข้ามาทำงาน เพื่อยังชีพในเมืองหลวง ซึ่งรวมทุกๆ คิว ทุกๆ สารทิศ ทุกๆ แห่งหนเข้าด้วยกันแล้ว น่าจะเป็นหมื่นๆ หรือหลายหมื่นคน อาจจะเป็นแสนๆ ก็ได้ในแต่ละวัน

เท่าที่ผมสังเกต “มนุษย์รถตู้” จะมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปจนถึงเฉียดๆ 60 ปี เป็นหญิงประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ และน่าจะเป็น “มนุษย์เงินเดือน” เป็นส่วนใหญ่

ผมเดาต่อว่าเงินเดือนของมนุษย์รถตู้ไม่น่าจะสูงนัก เพราะถ้ามีเงินเดือนสูงมากพอ พวกเขาก็คงจะไปซื้อรถหรือผ่อนรถกันหมดแล้วละ เรื่องอะไรจะต้องมาลำบากลำบนยืนตากฝนรอรถตู้อยู่อย่างนี้

ผมสันนิษฐานด้วยว่าแม้จะไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนสูง แต่มนุษย์รถตู้เป็นมนุษย์ที่มีวัฒนธรรมอันสูงยิ่ง รวมไปถึงมีระเบียบวินัยที่ดีอย่างยิ่ง

เพราะหากไม่มีวัฒนธรรมอันดีงาม หรือไม่ใช่คนที่รักระเบียบวินัยเป็นชีวิตจิตใจ จะสามารถต่อคิวเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างทรหดอดทน ไม่มีแซงคิว ไม่มีเบียดเสียดยาวเหยียดเช่นนี้ได้อย่างไร? ไม่ว่าจะเป็นวันฝนตกหรือไม่ตกก็ตาม

อากัปกิริยาในการเข้าคิวก็นิ่งมาก สงบมาก จะไม่ขยับตัวเลย ถ้าคิวแรกๆ ไม่มีการขยับตัวไปขึ้นรถ ดังเช่นวันแรกที่ผมเห็น พวกเขายืนนิ่งเกือบ 20 นาทีโดยไม่ขยับ (เพราะไม่มีรถมารับเลย) ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ส่วนหนึ่งคงต้องขอบคุณโทรศัพท์มือถือ ที่ผมคิดว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าคิวรอรถตู้ที่ผมเห็นมีประจำตัวทั้งหมด และต่างก็ก้มดูมันอย่างมีสมาธิ จนกระทั่งไม่พูดจากับใครเลย แม้กับคนที่มาด้วยกัน

คิวที่ผมยืนดูมีป้ายชูอยู่ 2 ป้าย หรือป้ายละแถว เขียนจุดหมายปลายทางไว้ว่า “ปากเกร็ด” กับ “สะพานใหม่” ซึ่งทันทีที่มีรถเข้ามาคนที่อยู่หัวคิวประมาณ 10 คน ก็จะทยอยกันขึ้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ผมขอแสดงความนับถือในการใช้ชีวิต อันทรหดอดทนของ “มนุษย์รถตู้” ในทุกคิวทุกที่ทั่ว กทม. โดยเฉพาะที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่ผมเห็นเมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็เข้าคิวอย่างเป็นระเบียบเช่นกัน

ขอขอบคุณและยกย่องวัฒนธรรมในการเข้าคิวของท่านทั้งหลายอย่างจริงใจ ประสาคนที่เดินทางมาค่อนโลกอย่างผม ได้พบได้เห็นและได้เคยไปเข้าคิวด้วยตนเองในนานาอารยประเทศมาหลายๆ ประเทศ

คิวของมนุษย์รถตู้ไทยแลนด์เรา อารยะไม่แพ้ใครเลยครับ สุดยอดจริงๆ ขอคารวะอย่างสุดหัวใจไว้ ณ ที่นี้.

“ซูม”