แด่ “น้ำใจ” จากทั่วโลก ด้วยความซาบซึ้งและขอบคุณ

หากเหตุการณ์ติดถ้ำของ “13 หมูป่า อะคาเดมีแม่สาย” เป็นภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง…ก็คงต้องบอกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ตื่นเต้นระทึกขวัญสุดขีด แต่ก็จบลงอย่างมีความสุข หรือ “แฮปปี้เอ็นดิ้ง”

เมื่อนักเตะหมูป่าทั้ง 13 คน ซึ่งติดค้างอยู่ในถ้ำลึกกว่า 4 กิโลเมตร ที่กลายเป็นท่อน้ำใหญ่และนั่งรอความตายอยู่อย่างสงบท่ามกลางความมืดมิด…สามารถรอดชีวิตกลับมาได้อย่างปลอดภัยครบถ้วนทุกคน (ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิต ถ้ำหลวงเชียงราย)

ด้วยปฏิบัติการกู้ภัยที่ต้องใช้เวลาถึง 17 วัน 4 ชั่วโมง 29 นาที 5 วินาที ตามเวลาที่จดบันทึกไว้บนจอโทรทัศน์ของ ไทยรัฐทีวี

ด้วยความร่วมมือร่วมใจที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง…อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยนัก…อย่าว่าแต่ในประเทศไทยเลยครับ แม้ในโลกนี้ก็อาจจะมีขึ้นที่ “ถ้ำหลวง” เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวก็ว่าได้

หลายคนยังประหลาดใจจนถึงวันนี้ว่าเหตุใดกรณีการติดถ้ำของ 13 หมูป่า จึงได้รับความสนใจจากชาวโลกมากมายถึงขนาดนี้

ทั้งสนใจ ทั้งติดตาม ทั้งลุ้นเอาใจช่วยให้ปฏิบัติการกอบกู้ประสบผลสำเร็จ รวมถึงการขันอาสาเดินทางมาช่วยของนักดำน้ำชั้นยอดของโลก

รัฐบาลหลายๆประเทศพร้อมให้ความช่วยเหลือ ผู้นำหลายๆประเทศทั้งแถลงข่าว ทั้งส่งสารผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว แสดงความห่วงใย แสดงความกังวล และอวยพรให้การกอบกู้ประสบผลสำเร็จ

แม้แต่มหาเศรษฐีดังระดับโลกอย่างนาย อีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทรถไฟฟ้าเทสลา และบริษัทด้านอวกาศ สเปซเอกซ์ ก็ยังให้ฝ่ายเทคนิคของเขา (รวมทั้งตัวเขาด้วย) คิดค้น “เรือดำน้ำลำจิ๋ว” เพื่อจะมาช่วยลำเลียงเด็กออกจากถ้ำ

มิหนำซ้ำยังขึ้นเครื่องบินส่วนตัวหอบ “ผลิตผล” ชิ้นนี้มาให้ด้วยตนเองถึงเชียงราย และถึง “ถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน”

ก่อนที่ทวีตข้อความสั้นๆบ่งบอกให้ทราบว่า เขามาที่นี่และขอมอบ “เรือดำน้ำจิ๋ว” ไว้ให้ แม้วันนี้จะมิได้ใช้ แต่ก็อาจเป็นประโยชน์ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า พร้อมข้อความที่เขาชื่นชมว่า “เมืองไทยช่างสวยงามเหลือเกิน”

เป็นประโยคที่ต้องตีความว่า เขาหมายถึงอะไร! เขาเห็นอะไรสวยงามของเมืองไทยเราหนอ ทั้งๆที่มีเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่อยู่ในประเทศไทย และก็อยู่ที่เชียงรายเท่านั้น

นับเป็นตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่งของมนต์เสน่ห์ “13 หมูป่า” ที่โดนใจผู้คนทั่วโลกอย่างเหลือเชื่อ

ผมเองก็นั่งอ่านข่าวต่างประเทศมาเยอะ เจอข่าวคนติดถ้ำ ติดเหมืองใต้ดินรอช่วยชีวิตมาก็หลายข่าว…แต่ไม่เคยมีสักข่าวเดียวที่จะได้รับความสนใจและห่วงใยจากชาวโลกเท่านี้

สรุปแล้วจะด้วยอะไรก็แล้วแต่เถอะ เมื่อคนทั่วโลกส่งใจมาช่วยรวมทั้งจิตอาสาจากภาคเอกชนและประชาชนตลอดจนหน่วยราชการยื่นมือเข้ามาช่วยคิดเป็นคนหลายๆพันเช่นนี้…ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆฝ่ายทุกๆคน ทุกๆองค์กร ดังที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาได้กล่าวขอบคุณเอาไว้เมื่อวันปฏิบัติภารกิจสำเร็จ

ต่อมาท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้ออกรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจในวันรุ่งขึ้น กล่าวขอบคุณทุกๆฝ่ายเช่นกัน

มีการสรุปกันว่าจะ “ถอดบทเรียน” ของเหตุการณ์ครั้งนี้สำหรับเป็นบทเรียนของหลายๆเรื่องในอนาคต มีการสรุปกันว่าอาจจะมีการบูรณะ หรือบริหารจัดการให้ถํ้าหลวงฯ เป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต ซึ่งก็ล้วนเป็นแนวความคิดที่ดี ผมขอสนับสนุนให้ดำเนินการต่อไป

ท้ายที่สุดนี้เราคงต้องขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับ จ่าเอกสมาน กุนัน หรือ “จ่าแซม” อดีตหน่วยซีลของกองทัพเรือไทย ที่ขันอาสาไปช่วยชีวิตเด็กๆจนตัวเองต้องเสียชีวิต สังเวยความหฤโหดของถํ้าแห่งนี้

นี่คือ “วีรบุรุษที่แท้จริง” ของปฏิบัติการกู้ชีวิต 13 หมูป่า…ดังที่ท่านผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร กล่าวยกย่องไว้

และในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณเพื่อนๆ สื่อมวลชนจากทั่วโลก ที่มีข่าวว่าเดินทางมาทำข่าวในเมืองไทยถึง 630 คน (จากยอดนักข่าวทั้งหมดที่ไปทำข่าว 1,345 คน)

630 ชีวิตนักข่าวทั่วโลก รวมทั้งบรรณาธิการข่าว ที่ไม่ได้มาแต่ช่วยกันเขียน ช่วยกันเผยแพร่ในทุกๆ สื่อทั่วโลก ถือเป็นการ “ประชาสัมพันธ์” ให้แก่ประเทศไทยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นเวลายาวนานถึง 17 วัน

ขอบคุณ…แทงกิ้ว…ด้วยใจจริงอีกครั้งนะครับ.

“ซูม”