หักเขา “กระทิงดุ”

ฟุตบอลโลก 2018 ยังคงหักปากกาเซียนต่อไป และยังคงประกาศิตให้ทีมลูกหนังระดับมหาอำนาจกลับบ้านก่อนกำหนดต่อไป

คราวนี้ถึงทีของ “กระทิงดุ” สเปน อดีตแชมป์โลกปี 2010 และตัวเต็งอันดับ 2 ล่าสุดหลังจบ รอบแรกบ้างละ

credit : https://twitter.com/fifaworldcup

ก่อนลงสนามพบกับทีม “หมีขาว” กูรูทั้งลอนดอนและลาสเวกัส รวมทั้งมาเก๊าเห็นตรงกันว่า สเปน นักเตะจากดินแดนวัวกระทิงเป็นต่อเจ้าภาพหลายขุม

ฟันธงให้ “กระทิง” เป็นฝ่ายไล่ขวิด “หมีขาว” คว้าชัยชนะผ่านรอบ 16 ทีม เข้าสู่รอบ 8 ทีม อย่างไม่ลำบากยากเย็น

ยิ่งพอเริ่มแข่งมาเพียง 11 นาที สเปนขึ้นนำไปก่อนแล้ว 1-0 จากการทำลูกบอลเข้าประตูตัวเอง ของ เซอร์เก อิกนาเชวิช กองหลังรัสเซีย ก็ยิ่งทำให้บรรดากูรูยิ้มแป้นมั่นใจว่าฟันธงถูกต้องแน่ๆ

แต่พอเล่นไปสถานการณ์ก็เริ่มอึดอัดขึ้นเป็นลำดับ เมื่อกระทิงดุไม่มีลูกเด็ดขาดอะไรอีก นอกจากติ๊กต๊อกผ่านลูกไปมาที่เรียกกันว่า “ตีกี ตากา” ในภาษาสเปน นักเตะกระทิงเล่นบอลสวยครองลูกได้มากกว่ารัสเซียหลายเท่า แต่ยังคงไร้สกอร์เพิ่มเติม

มิหนำซ้ำในนาทีที่ 39 กลายเป็นทีมหมีขาวได้โทษที่จุดโทษ ซึ่ง อาร์เต็มซิวบา กองหน้าร่างยักษ์ ของรัสเซียก็ซัดได้ตีเสมอ 1-1

จากนั้นมาอีก 80 นาทีเต็มโดยรวมเวลาที่เหลือในครึ่งแรกบวกเวลาครึ่งหลังทั้งครึ่ง และต่อเวลาอีก 30 นาที…ทั้ง 2 ทีมก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลยแม้แต่ประตูเดียว

โดยเฉพาะทีมเป็นต่ออย่างสเปนที่สามารถทำสถิติฟุตบอลโลกใหม่คือ สามารถผ่านบอลสำเร็จถึง 770 ครั้ง ใน 90 นาที และกว่า 1,000 ครั้งหลังต่อเวลา 30 นาที กลายเป็นสถิติที่ไร้ความหมาย

เพราะเมื่อไม่ได้ประตูเพิ่มและสกอร์ยังคงเป็น 1-1 ก็ต้องมาตัดสินกันที่ดวล ลูกโทษ และจบลงด้วยชัยชนะเป็นของหมีขาว 4-3 ประตู กลายเป็นว่า หมีขาว ได้เข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมต่อ

ในขณะที่ทีมกระทิงดุต้องกลายเป็นกระทิงเขาหัก…ตกรอบ 16 คน กลับบ้านตามอาร์เจนตินาและโปรตุเกสที่ตกรอบเมื่อวานไปอีก 1 ทีม เรียกน้ำตาจากกองเชียร์หลายๆ คนบนอัฒจันทร์ ขณะที่กล้องโทรทัศน์แพนมาให้เห็น

ตรงข้ามกับแฟนๆ หมีขาวนี่ไชโยโห่ร้องกันอย่างสุดปลื้ม ทั้งบนอัฒจันทร์ ทั้งในบาร์เหล้า และ จัตุรัสต่างๆ ที่มีการตั้งเครื่องทีวีให้ดูการถ่ายทอดสด

credit : https://twitter.com/fifaworldcup

นายทวาร อีกอร์ อาคิน เฟเยฟ ของหมีขาว กลายเป็นวีรบุรุษ เพราะสามารถเซฟลูกโทษได้ถึง 2 ลูก จนนำไปสู่ชัยชนะ

ในการตะโกนแสดงความยินดีของแฟนๆ มีเสียงหนึ่งเปล่งชื่อเขาว่า “เลฟ ยาชิน เราฉลองให้แก่ เลฟ ยาชิน คนใหม่ของเรา”

ย้อนอดีตกลับไปถึง “ไอ้ปลาหมึกเลฟ ยาชิน” ตำนานนายทวารจอมหนึบของ สหภาพโซเวียต หรือรัสเซียในยุคโน้น อันเป็นที่รู้จักของแฟนบอลทั่วโลก

“จ่าแฉ่ง” ในฐานะแฟน เลฟ ยาชิน คนหนึ่ง ขอแสดงความยินดีกับทีมรัสเซียไว้ ณ ที่นี้

แม้โดยส่วนตัวจะเห็นว่า อาคิน เฟเยฟ ยังห่างจากตำนานนายทวารรัสเซียคนเก่าหลายเท่า…แต่ก็ยอมรับว่าเขามีส่วนช่วยให้รัสเซียชนะ และเขี่ยกระทิงดุกลับบ้านครั้งนี้ ดังที่แฟนๆ หมีขาวตะโกนเชียร์

เรื่องจริงผ่านจอเรื่องนี้สอนให้รู้อีกครั้งหนึ่งว่า การ “ผ่านฟุตบอล” เก่งก็ดีอยู่หรอก แต่จะไร้ประโยชน์หากไม่ได้ประตู เพราะชัยชนะของฟุตบอลอยู่ที่การทำประตู มิใช่การผ่านลูกไปมา

credit : https://twitter.com/fifaworldcup

สำหรับคู่หลังมาตอนดึก ระหว่าง โครเอเชีย กับ เดนมาร์ก ก็จบลงที่ 1-1 และต่อเวลาแล้วก็ยัง 1-1 จึงต้องมาดวลลูกโทษสู้กันถึงฎีกาไปอีกคู่ นานๆ จะมีซักหนนะเนี่ยที่เตะคืนเดียว 2 คู่ แล้วดวลลูกโทษกันทั้ง 2 คู่เลย

ผล โครเอเชีย ชนะลูกโทษ 3-2 น่าสงสาร คาสเปอร์ ชไมเคิล นายทวารเลสเตอร์ และนายทวารโคนม ที่เซฟจุดโทษในเกมไว้ได้ ทำให้ทีมไม่แพ้ ในช่วงต่อเวลา แล้วยังมาเซฟตอนดวลได้อีก 2 หน แต่ตัวยิงของโคนมบู่ไปเองยิงเข้าน้อยกว่า จึงต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้กลับบ้านไปอย่างน่าเสียดาย

credit : https://twitter.com/fifaworldcup

ในที่สุดคืนอันสุดแสนยาวนานเพราะต้องต่อเวลาและยิงลูกโทษทั้ง 2 คู่ก็จบลง โดย รัสเซีย เจ้าภาพ จะได้ไปเจอกับตาหมากรุก โครเอเชีย ในรอบ 8 ทีม ตี 1 วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม ตามเส้นทางที่กำหนดไว้

ทำเป็นเล่นไป โอกาสที่เจ้าภาพอย่าง “หมีขาว” จะไปได้ไกลถึงรอบ 4 ทีม หรือเซมิไฟนอล อยู่แค่เอื้อมแล้วนะเนี่ย.

“จ่าแฉ่ง”