ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ ในช่วงเวลาบ่ายๆของวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน 2561 หากนับย้อนหลังกลับไปถึงเวลาบ่ายๆของวันเสาร์ก่อนหน้านี้ หรือเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2561 ก็ครบ 7 วันพอดิบพอดี
เป็น 7 วันแห่งการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อของคนไทยทั้งประเทศ ที่จะต้อนรับการกลับมาของนักฟุตบอลเยาวชน 12 คน กับโค้ชของเขาอีก 1 คน รวม 13 คน ที่เข้าไปติดค้างอยู่ใน ถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่บ่ายๆของวันเสาร์ที่แล้ว (ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิต ถ้ำหลวงเชียงราย)
ผมยังจำหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน 2561 ที่นำเสนอข่าวนี้เป็นหัวยักษ์หน้า 1 เป็นครั้งแรกได้จนถึงวันนี้
“น้ำป่าปิดทางออก…ขัง 13 ชีวิต…ในถ้ำหลวงขุนน้ำฯ” เป็นหัวบนสุดของไทยรัฐฉบับดังกล่าว
ตามมาด้วยหัวรองขยายความให้ทราบว่า ทั้ง 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำ ได้แก่ โค้ชและนักฟุตบอล อายุตั้งแต่ 11-16 ปี ของทีม “หมูป่า อะคาเดมีแม่สาย” ทีมฟุตบอลทีมหนึ่งของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
พร้อมกับรายงานด้วยว่า หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง โดยการสั่งการของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ต่าง “สนธิกำลัง” เข้าช่วยเหลืออย่างแข็งขัน
จากวันแรกที่เริ่มค้นหาโดย เจ้าหน้าที่วนอุทยานถ้ำหลวง ทหาร ฉก.ม.3 ตำรวจ สภ.แม่สาย หน่วยกู้ภัยพรหมวิหาร หน่วยกู้ภัยสยามรวมใจ และหน่วยกู้ชีพสมาคมศิริกรณ์ ฯลฯ ประมาณ 100 คนเศษๆ
มาจนถึงวันนี้ จำนวนผู้ค้นหาและเตรียมการช่วยเหลือน่าจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นหลายๆร้อยคน มาจากทุกหน่วยราชการที่ชำนาญด้านกู้ชีพ กู้ภัย ทั้งระดับประเทศและระดับโลก
ทุกคนล้วนตั้งใจไปช่วยเหลือ โดยเฉพาะหน่วยกู้ภัยทุกหน่วยต่างใช้ความพยายามที่จะดำน้ำ ฝ่าน้ำ ฝ่าโคลนเข้าไปในถ้ำหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปสู่จุดลึกที่สุดได้ เพราะฝนยังตกหนักและมีน้ำไหลบ่าเข้าถ้ำอยู่ตลอดเวลา
สำหรับพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ผมเชื่อว่าทุกคนต่างติดตามรายงานข่าวนี้อย่างใจจดใจจ่อ จะเห็นได้จากเรตติ้งของรายการข่าวโทรทัศน์เกือบทุกช่องที่พุ่งสูงขึ้นตลอดสัปดาห์ที่แล้ว
ไม่เพียงแต่ติดตามข่าวเท่านั้น ผมยังมั่นใจว่าคนไทยทุกคนต่างภาวนาเอาใจช่วย ขอให้ทีมนักเตะเยาวชนพร้อมโค้ชของเขาทั้ง 13 ชีวิต จงรอดพ้นจากอันตราย กลับออกจากถํ้าด้วยความปลอดภัย
นอกจากนี้ รายงานข่าวสะเทือนขวัญชิ้นนี้ยังเผยแพร่ไปทั่วโลก ผ่านสื่อมวลชนสำนักต่างๆ โดยเฉพาะสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานสดติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้พี่น้องชาวโลกที่ทราบข่าวนี้ ต่างก็ส่งแรงใจ มาให้แก่น้องๆนักเตะของเราจำนวนมาก
เพจของสโมสรฟุตบอลดังๆ เช่น ลิเวอร์พูล ทอตแนม และของลาลีกา สเปน ลงข้อความให้กำลังใจไว้บนหน้าแรก ในขณะที่ท่านประธานโอลิมปิกสากล ก็ฝากเอาใจช่วยผ่านมาทาง คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล
แม้แต่คนดูฟุตบอลโลกที่รัสเซียก็ร่วมส่งใจมาถึงทีมหมูป่าเชียงราย ขอให้กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ผมเพิ่งอ่านบทความชิ้นล่าสุดของเว็บไซต์ ซีเอ็นเอ็น ก่อนจะเขียนต้นฉบับวันนี้…
หลายๆ ช่วงอ่านแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ นํ้าตาแทบไหล โดยเฉพาะบทสัมภาษณ์ผู้ปกครองของน้อง พิพัฒน์ โพธิ อายุ 15 ปี
ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า คุณภิญโญ พ่อของน้องพิพัฒน์ ซึ่งครบรอบวันเกิด 15 ปี เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ได้เตรียมจัดงานวันเกิดให้โดยไม่บอกน้องพิพัฒน์ล่วงหน้า เพื่อเซอร์ไพรส์ลูก แต่ก็ต้องระงับไปก่อน เค้กวันเกิดยังคงรออยู่ที่บ้านจนถึงวันนี้
“ผมหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์…และต้องการให้ลูกผมกลับมา” คุณภิญโญกล่าวกับซีเอ็นเอ็นเป็นประโยคทิ้งท้ายของรายงานชิ้นนี้
ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับ ฝนที่เชียงรายหยุดตกแล้ว หน่วยกู้ภัยกำลังเข้าไปใกล้จุดที่คาดว่าทั้ง 13 ชีวิตจะหลบซ่อนตัวอยู่ทุกขณะ
ผมต้องปิดต้นฉบับเพราะได้เวลาขึ้นแท่นแล้ว ขอให้ปาฏิหาริย์จงเกิดขึ้นเหมือนที่คุณภิญโญให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นด้วยเถิด
เพื่อทั้ง 13 ชีวิตจะได้กลับออกมาอย่างปลอดภัย สมดัง “แรงใจ” จากชาวไทยและชาวโลกที่ส่งไปถึง “ถํ้าหลวง-ขุนนํ้านางนอน” ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา.
“ซูม”