เนื่องจากโลกเราทุกวันนี้มี “วันสำคัญ” เกิดขึ้นมากมายจนเกือบจะเรียกได้ว่าเกิน 365 วันเข้าไปแล้ว ทำให้พวกเราชาวโลกทั้งหลายแทบจะจำไม่ได้ว่าวันไหนเป็นวันสำคัญของโลกในเรื่องใด?
อย่างเช่น เมื่อวันอังคารที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมาเป็น “วันสิ่งแวดล้อมโลก” ที่มีความสำคัญสำหรับพลเมืองโลกอยู่ไม่น้อย แต่ผมกลับลืมเสียสนิท ทั้งๆที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าปีนี้อยากจะเขียนให้สักวันหนึ่ง เพราะเขามีประเด็นรณรงค์ที่น่าสนใจอย่างมากทีเดียว
แต่ก็เอาเถอะครับมาเขียนถึงในวันนี้ ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน เลยกำหนดมาแค่ 2 วัน คงไม่สายเกินไปนัก
เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ทั้งบ้านเราและในทุกแห่งหนทั่วโลกที่เขาจะเน้นให้ช่วยกันจัดการและระมัดระวังหรือหาทางขจัดปัดเป่าในปีนี้เป็นปัญหาใหญ่มาก และจัดการได้ยากมาก
เขียนกระตุ้นรณรงค์เฉพาะในวันสิ่งแวดล้อมโลกวันเดียวคงไม่พอหรอกครับ น่าจะต้องเขียนถึงกันบ่อยๆ และเขียนหลายๆวันเสียด้วยซ้ำ
นั่นก็คือปัญหาเรื่องการใช้ “ถุงพลาสติก” “ขวดพลาสติก” หรือข้าวของเครื่องใช้ที่ทำด้วยพลาสติกนานัปการ ที่แพร่หลายอยู่ในทุกๆ ประเทศ ไม่ว่าเจริญแล้วหรือด้อยพัฒนาก็ตามที
ท่านอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมท่านแถลงไว้เมื่อเร็วๆนี้ว่า ประเด็นในการรณรงค์ของสหประชาชาติสำหรับปีนี้ก็คือ การที่จะชักชวนให้พลเมืองโลกใช้พลาสติกน้อยลง
ถ้อยคำในภาษาอังกฤษที่โครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติใช้อยู่ก็คือ “Beat Plastic Pollution” หรือการเอาชนะภาวะสิ่งแวดล้อมเป็นพิษอันเกิดจากการใช้พลาสติกให้จงได้
อ่านเหตุผลโดยเฉพาะตัวเลขต่างๆ ที่สหประชาชาติยกมาประกาศการรณรงค์ในปีนี้แล้วก็เห็นด้วยทุกประการเลยครับว่าสถานการณ์ค่อนข้างหนักหนาสาหัสเอาจริงๆ
ในแต่ละปีที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วมีการใช้ถุงพลาสติกทั่วโลกถึง 5 แสนล้านใบ และครึ่งหนึ่งเป็นถุงพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
ทิ้งแล้วจะไปไหนล่ะ? ก็จะกลายเป็นขยะพลาสติกที่ทำลายได้ยากส่วนหนึ่ง และเล็ดลอดผ่านการทำลายกระจายไปตามที่ต่างๆอีกส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะส่วนที่ลงไปในทะเล ซึ่งลอยฟ่องอยู่เหนือน้ำและจมอยู่ใต้น้ำถึง 13 ล้านตัน
เจ้าขยะที่ลงไปในทะเลนี่แหละที่โครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติบอกว่า เป็นผลให้สัตว์ทะเลต่างๆต้องตายไม่ต่ำกว่าปีละ 1 แสนตัว เพราะเผลอไปกินขยะพลาสติกเข้า
ที่สำคัญขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่ทะเลนี่แหละอาจจะอยู่ได้เป็นพันปีเลยกว่าจะย่อยสลายไปหมด ลองคิดดูว่าถ้าแต่ละปีมีจำนวนสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ลดลงเลย สักวันหนึ่งมันอาจจะลอยฟ่องเต็มทะเลก็เป็นได้
เจตนารมณ์ของโครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติคงไม่ถึงขนาดจะให้ยกเลิกการใช้พลาสติกหรอกครับ เพราะก็ยังเห็นประโยชน์ต่างๆอยู่มาก
เพียงแต่เมื่อพบว่ามันมีปัญหาอย่างมากเช่นเดียวกัน และหากไม่ดูแล หรือไม่ลดการใช้ลงบ้าง อีกไม่เกิน 10-15 ปีข้างหน้า ผลผลิตจากการใช้พลาสติกน่าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และแน่นอนปัญหาขยะพลาสติกก็จะเพิ่มเป็น 1 เท่าเช่นกัน
สรุปว่าผมเห็นด้วยกับการรณรงค์เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลกปีนี้ 100 เปอร์เซ็นต์เลยครับ และขอร่วมรณรงค์ด้วยอีกแรงหนึ่ง
หากจะใช้ถุงพลาสติกหรือใช้ขวดพลาสติกให้น้อยลงได้ก็จงใช้ให้น้อยลงเถิด ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ ก็ขอให้ใช้หลายๆครั้ง ซึ่งจะเป็นการช่วยลดปริมาณการผลิตถุงหรือภาชนะพลาสติกลงได้
เวลาทิ้งขยะก็ควรจะแยกทิ้งถ้าทำได้ เวลา กทม. หรือเทศบาล หรือสุขาภิบาลเขาจะเอาขยะไปกำจัด เขาจะได้จัดการกับขยะพลาสติกได้อย่างถูกวิธี และไม่ทำให้มันกระจัดกระจายและหลุดออกไปตามที่ต่างๆ
โดยเฉพาะการลงไปในทะเลที่กำลังเป็นปัญหาของชายฝั่งทะเลของทุกๆแห่งในโลกนี้ รวมทั้งประเทศไทย
พอดีผมเพิ่งได้รับข่าวแจกชิ้นใหม่เรื่องปัญหาขยะในท้องทะเลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเดี๋ยวนี้เอง บอกว่าประเทศไทยติดอันดับพบขยะในทะเลมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลกเลยเชียวล่ะ
เห็นเขาพาดหัวแล้วก็สะดุ้งเลยครับ…พรุ่งนี้ขออนุญาตเขียนต่ออีกสักวันก็แล้วกัน.
“ซูม”