ความหลังอันแสนสุขไทยเจ้าซีเกมส์ (ไม่โกง)

ทั้งๆ ที่เป็นการแข่งขันกีฬาของกลุ่มประเทศเพียง 11 ประเทศ ในภูมิภาคเล็กๆ ที่เรียก ว่าเอเชียตะวันออกไกล แต่กีฬา “ซีเกมส์” ก็เป็น กีฬาที่มีความหมาย และเป็นที่มุ่งหวังของหลายๆ ประเทศ ในการที่จะคว้าเหรียญทองให้ได้มากที่สุด หรือที่เรียกกันว่า “เจ้าซีเกมส์” นั่นเอง

อาจเป็นเพราะการเป็นที่ 1 ของกีฬาซีเกมส์ ไม่ใช่จะโดดเด่น หรือมีศักดิ์ศรีเฉพาะในด้านกีฬาเท่านั้น แต่ยังคลุมไปถึงด้านเศรษฐกิจด้านสังคม ด้านการพัฒนาประเทศโดยรวม หรืออะไรอื่นๆ อีกหลายด้าน

ทำให้แต่ละชาติที่มีศักยภาพพอที่จะเป็นหมายเลข 1 ได้ ต่างใช้ความพยายามอย่างหนักหน่วงที่จะเป็นที่ 1 จนบางครั้งก็กระทำการที่เกินเลยไป จนถึงขั้นเอารัดเอาเปรียบ หรือทำทุกอย่างเพื่อให้ชาติของตนได้ชัยชนะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ชาตินั้นเป็นเจ้าภาพ

เป็นเหตุให้เกิดวลีที่ว่า “ซีเกมส์ ซีโกง” ขึ้น สืบเนื่องมาจากการแข่งขันครั้งที่ 29 ที่เพิ่งจบไปหมาดๆ ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพ และได้ครองตำแหน่งเจ้าซีเกมส์ไปสมมาดปรารถนา

จริงๆแล้วความปรารถนาที่จะได้ครองแชมป์เจ้าเหรียญทองซีเกมส์ และใช้ความพยายามทุกวิถีทางที่จะครองแชมป์ให้ได้ มิใช่ของใหม่แต่ประการใด และได้มีประเทศที่ยังไม่เคยได้อันดับ 1 มาก่อนได้ทำสำเร็จมาแล้วในอดีต

อีกทั้งยังใช้ความพยายามในทางที่ดี ในการสร้างสิ่งจูงใจ เพื่อร่วมพลังเป็นหนึ่ง โดยมิได้ใช้วิธีเอารัดเอาเปรียบ หรือกลโกงแต่อย่างใดทั้งสิ้น เป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากประเทศเพื่อนบ้านที่มาแข่งขัน

ประเทศที่สามารถเป็นเจ้าซีเกมส์ได้โดยมิได้ใช้กลโกงเลยก็คือ ประเทศไทย ของเรานี่แหละครับ

หากท่านผู้อ่านจำได้ ในขณะที่การแข่งขันยังเรียกว่า กีฬา “เซียพเกมส์” หรือกีฬาแหลมทอง ซึ่งมีสมาชิก 7 ประเทศ ที่แข่งไปถึง 8 ครั้ง ตั้งแต่ พ.ศ.2502 ถึง 2518 นั้น ไทยและพม่าต่างก็ผลัดกันครองเจ้าเหรียญทอง โดยไทยได้ถึง 6 ครั้ง พม่า 2 ครั้ง

แต่พอขยายออกเป็นการแข่งกีฬาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ซีเกมส์ ซึ่งมี อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, บรูไน มาร่วมด้วยนั้น (ติมอร์เลสเต มาร่วมภายหลัง) ตลอด 4 ครั้งแรกในชื่อซีเกมส์ อินโดนีเซียได้ผูกขาดการเป็นเจ้าเหรียญทองแต่เพียงประเทศเดียว

ต้องยอมรับว่าประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรมากที่สุดของอาเซียน และมีระบบเศรษฐกิจในตัวเมืองใหญ่ค่อนข้างดีนั้น เป็นมหาอำนาจทางด้านกีฬาในภูมิภาคนี้โดยแท้จริงในยุคโน้น

ดังนั้น เมื่อคิวของการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ กลับมาที่ประเทศไทยของเราในปี 2528 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เราจะเป็นเจ้าภาพในชื่อใหม่นี้ …คุณสมิต มานัสฤดี อดีตหัวหน้ากองบรรณาธิการไทยรัฐ ก็มีความคิดขึ้นว่า โอกาสทองของเราที่จะโค่นอินโดนีเซีย เพื่อแย่งตำแหน่งเจ้าเหรียญทองมาถึงแล้ว

เพราะความได้เปรียบในฐานะเจ้าภาพ ที่จะได้กำลังใจจากเสียงเชียร์ของคนดู และความคุ้นชินกับสนามแข่งขันต่างๆ ที่เหนือกว่าคนอื่นๆ อีกทั้งกรรมการชาติเป็นกลาง ที่จะมาตัดสินกีฬาประเภทต่างๆ ก็มักจะเข้าข้างเจ้าภาพไม่มากก็น้อยอยู่แล้วเป็นธรรมชาติ

หากเราสามารถรวบรวมพลังของคนไทยให้เป็นหนึ่งเดียวได้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมสมาคมกีฬาต่างๆ ให้มีกำลังใจที่จะดูแลนักกีฬา ให้นักกีฬาหมั่นฝึกซ้อมให้ดีๆ โอกาสที่เราจะคว้าเหรียญทองมาครองได้มากที่สุด ไม่น่าจะยากนัก

คุณสมิตจึงให้ฝ่ายข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ จัดทำโครงการ “สู่เจ้าเหรียญทองซีเกมส์ 2528” เสนอให้ท่านผู้อำนวยการ กำพล วัชรพล พิจารณา โดย ไทยรัฐ จะขันอาสาเป็นแกนกลางในการระดมทุนมาสนับสนุนสมาคมกีฬาต่างๆ เพื่อนำไปบำรุงขวัญ และฝึกซ้อมนักกีฬา รวมทั้งจะเป็นแกนกลางในการปลุกขวัญคนไทย ให้มารวมใจเป็นหนึ่งเพื่อเชียร์ซีเกมส์

พ.ศ.2528 เป็นปีที่ประเทศไทยเพิ่งเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจนรัฐบาลไทยโดยนายกฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ต้องลดค่าเงินบาทครั้งใหญ่ในปี 2527 รัฐบาลจึงยังยากจน ไม่มีเงิน งบประมาณมากมายที่จะมอบให้สมาคมกีฬา หรืออัดฉีดนักกีฬาอย่างเดี๋ยวนี้

เมื่อไทยรัฐขันอาสาระดมทุนให้ โดยความร่วมใจของอภิมหาสปอนเซอร์เกือบๆ 20 สปอนเซอร์ เข้าสนับสนุนสมาคมกีฬาต่างๆ แห่งละ 1 ล้านบาท เป็นอย่างน้อย รวมทั้งไทยรัฐ โดยท่าน ผอ.กำพลได้ควักทุนเป็นประเดิม สนับสนุนสมาคมตะกร้อ 1 ล้านบาทก่อนคนอื่นๆ

เงินลงขันจากภาคเอกชนผ่านหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐสามารถสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่สมาคมกีฬาต่างๆ ได้อย่างคาดไม่ถึง

หลายๆสมาคมนำไปเป็นค่าอัดฉีดนักกีฬาโดยตั้งไว้เลยว่าใครได้เหรียญทองก็จะแบ่งเงินนั้นให้ตามสัดส่วนของแต่ละสมาคม

อย่างเหลือเชื่อ นักกีฬาไทยต่างมีขวัญมีกำลังใจกวาดเหรียญทองเป็นการใหญ่ ในขณะที่พี่น้องประชาชนคนไทยก็เกิดความสนุกร่วมแรงร่วมใจไปเชียร์กีฬาแน่นทุกสนาม และก็ไม่ผิดหวังที่จะได้ฟังเพลงชาติไทยกระหึ่มอยู่ตลอดเวลา

ในที่สุดเราก็ล้มอินโดนีเซีย คว้าเหรียญทองได้มากสุด 92 เหรียญ ทิ้งมหาอำนาจเก่าอย่างอินโดฯ ที่ได้ 62 เหรียญทองขาดลอย

นำความสุขใจมาสู่คนไทยทั้งชาติอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ไม่ว่าจะไปแห่งหนใดในประเทศ เราจะได้ยินแต่เสียงพูดถึงความสำเร็จและความภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าซีเกมส์

ปี 2528 ได้กลายเป็นปีแห่งความสุขโดยแท้จริงของคนไทย เพราะไม่เพียงแต่จะได้ เป็นเจ้าซีเกมส์เท่านั้น เศรษฐกิจไทยก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จนประเทศไทยได้สมญาจากสื่อต่างประเทศว่า “เสือตัวใหม่” ของเอเชียอีกด้วย

ที่สำคัญ การได้เป็นเจ้าซีเกมส์ของเรา เกิดขึ้นอย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี ด้วยความสามารถของนักกีฬาโดยแท้…ไม่มีคำว่า “ซีเกมส์ ซีโกง” แต่อย่างใด จึงกลายเป็นตำนานแห่งความภาคภูมิใจที่เล่าต่อๆ กันมาจนถึงวันนี้

“ซูม”