อลังการรัตนโกสินทร์

คงจะได้อ่านข่าวดูภาพจากหนังสือพิมพ์ หรือ ได้ดูภาพข่าวตัวอย่างจากโทรทัศน์ทุกช่อง กันแล้วนะครับ สำหรับการแสดง “แสง เสียง และสื่อผสม” ชุด “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราชา” ณ สนามหน้าศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง

สำหรับทีมงานซอกแซกนั้นโชคดีได้มีโอกาสไปนั่งดูชมในรอบพิเศษที่จัดขึ้นสำหรับสื่อมวลชนเมื่อวันพุธที่แล้ว ขออนุญาตยกมือสนับสนุนรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่พาดหัวด้วยคำว่า “อลังการ” ราวกับนัดกันไว้ในวันรุ่งขึ้น

ไม่ใช้คำว่า “อลังการ” ก็ไม่รู้จะใช้คำอะไรอีกแล้วครับ…เพราะเป็นงานที่สุดอลังการจริงๆ นับตั้งแต่บรรยากาศของเวทีการแสดงกลางแจ้งที่รายล้อมไปด้วยพระที่นั่งองค์ต่างๆ และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่ประดับไฟเอาไว้อย่างมะลังเรืองในยามคํ่าคืน

นอกจากนี้ คำกล่าวเกริ่นของพิธีกรสาวก็ยิ่ง ชวนให้คนดูในรอบสื่อมวลชนรู้สึกภูมิใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเธอบอกว่า “ณ พื้นที่ที่ท่านนั่งอยู่ขณะนี้… เคยเป็นสถานที่สำหรับแสดงมหรสพหลวงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1…จึงนับเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่ท่านทั้งหลาย ได้มีโอกาสมานั่งชมการแสดงในคืนนี้”

จากนั้นการแสดงแสง เสียง และสื่อผสม… “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราชา” ก็เริ่มขึ้นโดยย้อนยุคกลับไปสู่สมัยรัชกาลที่ 1 จากการเล่าเรื่องของ “จิตตสยาม” …จอย…รินลณี ศรีเพ็ญ ซึ่งสมมติไว้ว่าเธอผู้เป็นอมตะ ได้อยู่ในเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์มาโดยตลอด

นับตั้งแต่เริ่มสร้างบ้านสร้างเมืองใหม่ไปจนถึงสงคราม 9 ทัพ ยุคเรืองรองรัตนกวี ยุคค้าขายกับแผ่นดินจีน ยุคเตรียมตัวรับมือนักล่าอาณานิคมจนถึงยุคล่าอาณานิคมในสมัยรัชกาลที่ 5

เกือบ 40 นาทีเต็ม…การนำเสนอผ่านสื่ออันหลากหลายที่เรียกว่าสื่อผสม ทั้งภาพนิ่ง ภาพยนตร์และเทคนิคพิเศษต่างๆ สลับกับการแสดงสดของตัวละคร…สามารถตรึงผู้ชมเอาไว้กับที่ หรือหากใช้ ถ้อยคำสมัยใหม่ก็ต้องบอกว่า สามารถดึงอารมณ์คนดูให้ “อิน” กับเรื่องราวทั้งบนเวที ข้างเวที และหน้าเวทีได้อย่างชนิดเกือบจะลืมหายใจ

ขอยืนยันว่าเป็นคำบรรยายที่ไม่เกินเลยอย่างแน่นอน เพราะพวกเราทีมงานรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตลอด 30-40 นาทีแรก ไม่ว่าจะเป็นฉากเรือรบฝรั่งเศสบุกเข้าปากแม่นํ้าเจ้าพระยา จนแม่ทัพเรือฝ่ายไทยต้องยิงปืนใหญ่สกัดกั้นหลายนัด

มาจนถึงฉากแห่งความสุขสันต์หรรษา นางฟ้าเหาะลงมาโปรยดอกไม้ ระคนกับการร่ายรำของบรรดา นาฏศิลป์เต็มเวที…นี่ก็ไม่ใช่การกล่าวที่เกินเลยเช่นกัน เพราะนางฟ้าเธอเหาะลอยมาจริงๆ ด้วยการชักรอก ทั้งชักลงชักขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจ

จากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงรัชกาลปัจจุบัน “ในหลวงที่คนไทยใจผูกพัน” “ทั่วเขตขัณฑ์รอยพระบาททรงยาตรา” “อัครศิลปิน” “หลักไทย หลักใจ” และ “ดุจถวายชัยชโย”

การนำเสนอเป็นไปใน ลักษณะใช้ภาพยนตร์ ภาพนิ่ง เป็นส่วนใหญ่ เพื่อเน้นให้ผู้ชมได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในทุกๆ ด้าน

หลายๆภาพเรามีโอกาส ได้เห็นมาแล้ว แต่อีกๆ หลายภาพ เราอาจไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก…โดยเฉพาะภาพการเสด็จทั่วเขตขัณฑ์ในยุคที่พวกเราหลายคนที่ไปนั่งดูชมในคืนดังกล่าวยังเป็นเด็กๆ เมื่อ 50 กว่าปีก่อนโน้น

ขอขอบคุณคุณ รัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง รองประธานโครงการ ที่ทุ่มเทให้แก่การจัดแสดงครั้งนี้อย่างสุดชีวิต นับเป็นการจัดแสดงในลักษณะนี้ ณ สถานที่ แห่งนี้เป็นครั้งที่ 2…หลังจากการแสดงครั้งแรก “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 72 พรรษาเฉลิมหล้าจอมราชัน” เริ่มขึ้นเมื่อปลายปี 2541 หรือ 12 ปีที่ผ่านมา

ขอปรบมือให้ฝ่ายผลิต ทั้ง ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ฯ โดย เสริมคุณ คุณาวงค์ และ กันตนา ออร์กาไนเซอร์ฯ โดย จาฤก กัลย์จาฤก ที่ผนึกกำลังนำสื่อหลากหลาย ทั้งทันสมัยและย้อนยุคมาผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืนและตื่นตาตื่นใจ

เริ่มแสดงเวลา 19.00 น. ถึง 20.30 น. ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ โดยจะแสดงทั้งหมด 58 รอบจนถึง 28 ก.พ. 2554, รอบละ 2,000 ที่นั่ง, ราคาบัตร 500 บาททุกที่นั่ง มีจำหน่ายที่ห้องประชาสัมพันธ์ สำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง (ทางเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม) โทรศัพท์ 0-2632-5500, 0-2623-5499 ต่อ 1120-1123, 1126 และ 4567-4568 ตั้งแต่ เวลา 08.30-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ

เพื่อความมั่นใจแวะไปที่พระบรมมหาราชวังเลยดีกว่า เพราะมีการจองบัตรแบบเหมารอบไปแล้วหลายรอบ โดยองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆ แต่ก็ยังมีบางรอบที่จองเพียงส่วนเดียวจึงยังมีเหลือจำหน่ายสำหรับประชาชนทั่วไป แต่ก็ต้องรีบๆหน่อยนะครับ เพราะบัตรอาจจะหมดเกลี้ยงได้ในเร็วๆนี้

สำหรับท่านที่ขับรถส่วนตัวไปชม สามารถจอดรถได้ที่ ท่าราชวรดิฐ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ข้อสังเกตส่งท้ายเล็กๆน้อยๆของทีมงานซอกแซกก็เห็นจะเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะที่การแสดงชุดสุดท้ายจบลง…ดังที่พิธีกรเกริ่นไว้ ณ บริเวณนี้ เมื่อ 200 กว่าปีก่อนโน้น เคยเป็นที่แสดงมหรสพสำหรับถวายเจ้านายและให้ชาววังได้ดูชมกัน

แน่นอนมหรสพที่ว่าก็คงจะเป็นเพียงการเชิดหนัง การเล่นละครหุ่น หรือการร้องรำละคร โดยใช้ เสียงที่แท้จริงไม่มีไมโครโฟนมาคอยช่วย รวมทั้ง แสงไฟก็คงมีเพียงแสงใต้ หรือไม่ก็การจุดตะเกียงนํ้ามันมะพร้าว

แต่ 200 กว่าปีให้หลัง การแสดงในที่เดียวกันเปลี่ยนมาเป็นสื่อผสมทันสมัยกระหึ่มไปด้วยเครื่องเสียงระบบดิจิตอล และแสงสีจากพลังไฟฟ้า และเครื่อง ฉายภาพทั้งภาพนิ่ง ภาพยนตร์ ทั้งในระบบธรรมดาและ 3 มิติ…ทั้งตื่นตาทั้งอลังการดังได้กล่าวไว้แล้ว

กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ประเทศไทยของเราต้องเผชิญกับความหนาว ความร้อน ตลอดจนเมฆฝน และพายุร้ายที่โหมกระหนํ่าเข้าใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เราก็สามารถผ่านมาได้ด้วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์

อยากให้พี่น้องประชาชนคนไทยมีโอกาสได้ชมการแสดงชุดนี้กันเยอะๆ และอยากให้มีการ จัดชุดย่อๆ ไปแสดงต่างจังหวัดเหมือนครั้งที่แล้ว และอยากให้อัดวีซีดีจำหน่ายในราคาที่ประชาชนสามารถซื้อไปดูชมได้โดยไม่เดือดร้อนมากนัก

ขอฝากไว้ด้วยนะครับ ท่านที่ปรึกษาฯสำนัก พระราชวัง รัตนาวุธ วัชโรทัย ผู้อยู่เบื้องหลังโครงการนี้ รวมทั้งผู้ที่มีพลังความสามารถท่านอื่นๆอันจะบันดาลให้ “ความอยาก” ของทีมงานซอกแซกข้างต้นเป็นความจริงขึ้นมาได้ในที่สุด.

“ซูม”