จิ้งจกขอ “ทัก” อีกครั้ง “เงินแจก” ดิจิทัลวอลเล็ต
ผมแสดงจุดยืนมาตลอดว่า ไม่เห็นด้วยกับโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย และได้เขียนแสดงเหตุผลทั้งโดยตรงและโดยอ้อมผ่านคอลัมน์นี้ไปหลายครั้ง
ผมแสดงจุดยืนมาตลอดว่า ไม่เห็นด้วยกับโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย และได้เขียนแสดงเหตุผลทั้งโดยตรงและโดยอ้อมผ่านคอลัมน์นี้ไปหลายครั้ง
ผมชำเลืองดูว่าวันที่ที่ต้นฉบับเรื่องนี้จะลงตีพิมพ์ในไทยรัฐคือ28 มีนาคม 2567 ก็ได้แต่หวังว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2567 ซึ่งผ่านวาระ 2-3 ของสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อวันที่ 22 มี.ค. และมีกำหนดจะเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาในวันอังคารที่ 26 มี.ค.นั้น…น่าจะผ่านการพิจารณาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
เมื่อวานนี้ผมหยิบยกข้อเขียนในเฟซบุ๊กของอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.วิรไท สันติประภพ ที่ว่า นโยบายการเงินนั้นเปรียบเสมือนการให้น้ำเกลือแก่ประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศสดชื่นขึ้นได้บ้าง แข็งแรงขึ้นได้บ้าง แต่มิใช่ยารักษาโรคโดยตรง
ณ นาทีนี้ ผมยังยืนยันด้วยความเชื่อมั่นทั้งในตัวเลขที่สภาพัฒน์แถลงเมื่อวานนี้ และด้วยประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่พอ จะติดตามข้อมูลอยู่บ้างว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่วิกฤติ
เมื่อเช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 มีเหตุการณ์สำคัญยิ่งทางการเมืองเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นข่าวใหญ่ในสื่อมวลชนทุกแขนง
วันนี้ (9 กุมภาพันธ์ 2567) ตามปฏิทินไทยของเราก็คือ วันแรม 15 ค่ำ เดือน 2 แต่ในปฏิทินจีนที่ผมและพวกเราฝ่ายข่าวกีฬาไทยรัฐได้รับแจกมาจาก “เฮียฮง” หรือสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย จะพิมพ์ด้วยถ้อยคำตัวโตๆ อ่านได้ใจความว่า “วันไหว้สิ้นปี…ไหว้รับไฉ่ซิงเอี๊ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ”
ผมมีโอกาสไปอินโดนีเซีย โดยเฉพาะกรุงจาการ์ตา เป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2558 เกือบ 10 ปีมาแล้ว––ถ้าจำไม่ผิดน่าจะหลังจากการขึ้นประธานาธิบดี โจโก วิโดโด สัก 5–6 เดือนเห็นจะได้
เมื่อวันอังคารที่ 2 มกราคมที่ผ่านมานี้เองศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ออกมาแถลงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปีกระต่าย (2566) ที่เพิ่งจากไปและคาดการณ์ว่าในปีมะโรงหรือปีมังกร 2567 เศรษฐกิจไทยเราจะเป็นอย่างไรบ้าง?
ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ล่วงหน้าหลายวัน และป่านฉะนี้สิ่งที่ผมดีใจและภาคภูมิใจคงจะผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อตอนหนุ่มๆผมมีโรคประจำตัวอย่างหนึ่งคือโรค “หวาดระแวง” หรือโรค “ประสาทหลอน” เวลาไปเจอเรื่องอะไรๆ ที่ร้ายๆ หรือโหดๆ เข้าก็จะรู้สึกระแวง จดจำฝังใจไปนานแสนนาน