ข่าวดี “เศรษฐกิจ” หลัง “โควิด” สหรัฐฯ ฟื้น-ไทยเริ่ม “เห็นแสง”?

เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ผมนั่งถือรีโมตกดดูช่องต่างๆ ของทรูวิชั่นส์นั้น…พอผ่านไปถึงช่อง CNN ก็เห็นมีตัวอักษรออกว่ากำลังไลฟ์สดการแถลงข่าวอยู่…และเมื่อเห็นหน้าตาของผู้แถลงถนัดชัดเจนผมก็ตัดสินใจหยุดดูจนกระทั่งการแถลงจบลง

ท่านประธานาธิบดีเมืองลุงแซม คุณ โจ ไบเดน นั่นแหละครับ ขนาดเพิ่งเดินทางกลับจากการประชุม COP26 ที่กลาสโกว์ แต่ดูหน้าตาของท่านสดชื่นมาก ไม่ปรากฏวี่แววเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใดเลย

จะให้เหนื่อยได้อย่างไรล่ะครับเพราะเรื่องที่ท่านแถลงเป็นข่าวดีของสหรัฐอเมริกา…คือท่านสรุปว่าเศรษฐกิจของที่นั่นกำลังฟื้นตัวขึ้น การจ้างงานเพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราการว่างงานลดลง

ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ออกมาแถลงว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคม เพิ่มสูงขึ้นถึง 531,000 อัตรา

สูงกว่า 450,000 อัตราที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ล่วงหน้าและสูงกว่าจำนวนจ้างงาน 312,000 อัตรา เมื่อเดือนกันยายนอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อมูลการจ้างงานล่าสุดๆ นี้เอง ส่งผลให้ อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ลดลงเหลือร้อยละ 4.6 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดของประเทศนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา

จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ออกมาแถลงแล้วว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างน่าพอใจ

ทำให้ธนาคารกลางหรือ “เดอะเฟด” ตัดสินใจผ่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ลง รวมทั้งการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0.00-0.25% ตามเดิม

ดังนั้นเมื่อตัวเลขการจ้างงานออกมาช่วยสนับสนุนอีกแรงหนึ่งเช่นนี้ ความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นแล้วจึงเพิ่มสูงขึ้น และตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ก็ปิดตลาดลงแบบทำสถิติสูงสุดตลอดกาลได้ทั้ง 3 ตลาด

จะมีข่าวร้ายอยู่บ้างก็เห็นจะเป็นเรื่องราคานํ้ามันที่ตลาดนิวยอร์กขึ้นถึง 2.46 เหรียญต่อบาร์เรล ปิดที่ 81.27 เหรียญต่อบาร์เรล และที่ลอนดอน นํ้ามันดิบเบรนท์ก็ขึ้นถึง 2.20 เหรียญต่อบาร์เรล ปิดที่ 82.74 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง

สาเหตุเพราะกลุ่มโอเปกและพันธมิตร ซึ่งรวมรัสเซียด้วยเมินคำขอร้องของคุณ โจ ไบเดน ที่คงจะแถลงไปก่อนที่ผมจะเปิดฟัง…ว่าท่านอยากให้เพิ่มผลผลิตนํ้ามันมากขึ้น เพื่อให้ราคานํ้ามันลดลงบ้าง

แต่กลุ่มโอเปกและพันธมิตรยืนยันจะเพิ่มแค่วันละ 400,000 บาร์เรล ตามเป้าหมายเดิม เป็นผลให้ราคากลับมากระฉูดอีกครั้ง

เรื่องนํ้ามันแพงค่อยว่ากัน เพราะโอเปกเองก็รู้และมีบทเรียนมาแล้วว่าถ้าปล่อยให้ราคาสูงจัดเดี๋ยวก็ไปไม่รอด เชื่อว่าสักพักหนึ่งคงหาทางออกและตกลงกันได้ในราคาที่เหมาะสม

เรื่องที่ถือเป็นข่าวดีของโลกก็คืออย่างน้อยเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็ฟื้นแล้ว…ทำให้ประเท ศอื่นๆ พลอยมีความหวังว่าจะฟื้นตามมาด้วย

ของไทยเราเอง เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วก็มีข่าวดีเล็กๆ มองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้นเช่นกัน เมื่อผลสำรวจของ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่น ของเดือนตุลาคม ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2

ทั้งนี้น่าจะเป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่างๆ รวมไปถึงมาตรการเปิดประเทศของรัฐบาล

แต่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยก็สรุปถึงความกังวลของภาคประชาชนและภาคธุรกิจการค้าต่างๆ ว่ายังห่วงเรื่องปัญหาค่าครองชีพสูง ราคาสินค้าและอาหารที่แพงขึ้น ราคานํ้ามันที่สูงขึ้น

รวมทั้งห่วงปัญหาทางด้านการเมืองซึ่งรวมถึงการชุมนุมต่างๆ …จะกลายเป็นแรงกดดันทำให้ความเชื่อมั่นต่างๆ ลดลงหลังจากนี้

พูดก็พูดเถอะของเราอาจเริ่มเห็นแสงสว่างแล้วจริงๆ อย่างที่ ม.หอการค้าว่าไว้ แต่มาเจอปัญหาด้านการเมือง และความขัดแย้งทางความคิดที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน อาจทำให้การใช้มาตรการด้านเศรษฐกิจไม่ได้ผลสัมฤทธิ์สูงเหมือนของสหรัฐฯ

มันเหมือน “บุญ” ของเราเริ่มมีและกำลังเริ่มมา แต่ “กรรม” ยังคง “บัง” อยู่อย่างไรก็ไม่รู้…คนแก่อย่างผมดูสถานการณ์แล้วก็ไม่รู้จะเสนอข้อคิดเห็นอะไรดี นอกจากขอสวดมนต์ให้ “กรรม” ที่ยังบดบังอยู่ สลายไปโดยเร็วเท่านั้นเองครับ.

“ซูม”

ข่าว, เศรษฐกิจ, สหรัฐ, อเมริกา, ราคาน้ำมัน, ฟื้น, ซูมซอกแซก