สงคราม “บิ๊กตู่” ยังไม่จบ จาก “สภา” สู่ “ท้องถนน”

เมื่อวานนี้เราพูดกันถึงชัยชนะในสภาของบิ๊กตู่กับรัฐมนตรีของท่านที่สามารถผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจรายบุคคลมาได้ครบถ้วนทุกคน

ตัวนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” แม้จะสะบักสะบอมและได้คะแนนไม่ไว้วางใจสูงกว่าเพื่อน แต่ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร…ไม่น้อยใจ…เพราะสอบผ่านก็คือสอบผ่าน

จากนี้ไปศึกใหญ่ๆ ในสภาไม่น่าจะมีอะไรอีกแล้ว เพราะการลงมติ พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ก็ผ่านไปแล้ว…เรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจคงไปว่ากันอีกทีปีหน้าโน่นเลยตามกฎกติกา

แต่ถ้าถามว่า “บิ๊กตู่” จะสบายใจได้หรือยัง? คำตอบจากบรรดาเซียนการเมืองดูเหมือนจะเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า…ยัง!

เพราะ “ศึกในสภา” สำหรับประเทศประชาธิปไตยกะปริดกะปรอยแบบไทยๆ นั้น ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมานี้ดูจะมีความหมายทางการเมืองน้อยกว่าศึกนอกสภาหรือศึกในท้องถนนหลายต่อหลายเท่า

เข้าทำนองเอาชนะในสภาได้ แต่เอาชนะม็อบหรือการประท้วงตามท้องถนนไม่ได้ เป็นเหตุให้รัฐบาลที่ต้องเจอกับการเมืองท้องถนนต้องล้มครืนไปด้วยสาเหตุต่างๆ รวมทั้งสาเหตุแทรกซ้อนด้วยหลายต่อหลายครั้ง

เราจะเห็นได้ว่า ก่อนหน้าที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาก็มีการชุมนุมทางการเมืองประท้วงรัฐบาลในเรื่องต่างๆ เป็นระลอกมาตลอด

แม้ในขณะมีการอภิปรายในสภาแล้ว ก็ยังมีการประท้วงหรือจัดม็อบคู่ขนานที่โน่นที่นี่หลายๆจุด

รวมทั้งการก่อกวนรายวัน ตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึงก่อนเวลาเคอร์ฟิวคือ 3 ทุ่ม ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง นำความเดือดร้อนมาสู่ประชาชนทั้งชาวดินแดง และประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้ถนนวิภาวดีรังสิตในการสัญจรไปมาหรือทำธุรกิจต่างๆ ไม่สามารถจะเข้าสู่ถนนสายสำคัญของเมืองหลวงสายนี้ได้อย่างน้อยก็ 3-4 ชั่วโมง ในช่วงเย็นๆ ถึง 3 ทุ่ม ที่ว่า

สาเหตุแห่งการประท้วงก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ออกมาขับไล่บิ๊กตู่บังหน้าเท่านั้นเอง แต่ลึกๆ แล้วม็อบเกือบทุกชุดมีเป้าหมายหลักอยู่ที่สถาบันสูงสุดและจะมีการอภิปรายที่รุนแรงอย่างยิ่ง

นอกจากจะใช้การก่อม็อบในท้องถนนเป็นเครื่องต่อรองเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายของพวกเขาแล้ว…เขายังใช้โซเชียลมีเดียเป็นอาวุธสำคัญอีกด้วยในการทำสงครามนอกสภาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

ซึ่งแตกต่างจากยุคเสื้อเหลือง-เสื้อแดง หรือยุค กปปส. ที่ใช้เฉพาะการชุมนุมในท้องถนนเท่านั้นกับใช้โทรศัพท์มือถือในการสื่อสารนัดแนะหรือแจ้งเรื่องสำคัญๆ เท่านั้นเอง เพราะยังไม่มีโซเชียลมีเดีย

ยุคนี้นอกจากจะใช้โทรศัพท์มือถือในการนัดหมายหรือในการกระจายข่าวแล้ว…ก็ยังใช้ในการปลุกระดมในการสร้างข่าวเท็จ…และในการด่าทอผู้คนที่ไม่เห็นด้วยที่เรียกกันว่า “ทัวร์ลง” อย่างกว้างขวาง

ศึกนอกสภาของรัฐบาลปัจจุบัน จึงมิใช่เพียงการชุมนุมในท้องถนนแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ใน “โซเชียลมีเดีย” ผ่านโทรศัพท์มือถือและเครื่องคอมพิวเตอร์อีกด้วย

จึงเป็นการศึกหรือการสู้รบที่หนักหนาสาหัสกว่าศึกในสภาหลายสิบหลายร้อยเท่า สำหรับบิ๊กตู่…เพราะสนามการต่อสู้นั้นกว้างไกลสุดหล้า ฟ้าเขียวเหลือเกินไม่ใช่แค่ในห้องประชุมของรัฐสภา

ฟังข่าวว่าก่อนลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ มีคนคิดการใหญ่ถึงขั้นจะล้มบิ๊กตู่แต่โดนบิ๊กป้อมกำราบและมีการจัดประชุมนัดพิเศษจนทุกอย่างจบลงได้ และนำไปสู่ “ชัยชนะ” แม้จะไม่สวยนักของบิ๊กตู่ดังกล่าว

แต่สำหรับศึกในท้องถนน และในโซเชียลมีเดียจะไม่ง่ายเหมือนการใช้บริการของบิ๊กป้อมแน่นอน เพราะซับซ้อนกว่ากันเยอะ

นี่คือเหตุผลที่ผมยังเชียร์บิ๊กตู่และคอยให้กำลังใจท่านอยู่ เพราะรู้ว่าศึกที่รอท่านอยู่นอกสภานั้นหนักหนาสาหัสเหลือเกินและถ้าท่านพ่ายแพ้ ผมก็ห่วงว่าสิ่งที่คนไทยรักและเทิดทูนบูชามาตั้งแต่บรรพกาลจะพลอยพ่ายแพ้ไปด้วย

ถ้าแน่ใจว่าเปลี่ยนบิ๊กตู่แล้วเราสามารถเอาชนะสงครามในท้องถนน และโซเชียลมีเดียได้…จะเปลี่ยนเลยก็ได้นะครับ ผมไม่ได้ยึดติดในตัวท่านหรอก

สิ่งที่ผมยึดติดและปรารถนาอย่างยิ่งก็คือประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราจะต้องเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเป็นที่เทิดทูนสูงสุดเท่านั้น–ผิดจากนี้ผมไม่เอาด้วยนะครับ.

“ซูม”

ข่าว, การเมือง, ประชาธิปไตย, นายกรัฐมนตรี, พระมหากษัตริย์, ซูมซอกแซก