โทรจิตถึง “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์” หาทางแก้ “กาเหว่า 2564”

เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงนวนิยายเรื่อง “กาเหว่าที่บางเพลง” ของท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ผมกลับไปหยิบจากตู้หนังสือมาอ่านใหม่

เพราะจำได้ว่าอาจารย์หม่อมท่านแต่งเรื่องราวไว้ให้เด็กวัยรุ่น 214 คน ที่เปรียบเสมือนลูกนกกาเหว่า เพราะเป็นเด็กที่มาจากดาวดวงอื่นที่เขาฝากให้มาเกิดในท้องของผู้หญิงต่างๆ ในหมู่บ้านบางเพลง

กลายเป็นเด็กที่สร้างปัญหาให้แก่บางเพลงอย่างมาก และอาจถึงขั้นเป็นปัญหาต่อประเทศไทยในอนาคตด้วย ผมจึงรีบไปค้นมาอ่าน

เผื่อจะนำวิธีการมาแนะนำให้รัฐบาลยุคปัจจุบันสามารถเอาชนะเด็กกาเหว่าแห่ง “บางกอก” หรือกาเหว่า 2564 ได้บ้าง

ซึ่งก็ปรากฏว่าชาวบางเพลงไม่ทันได้ทำอะไร แต่เด็กๆ แพ้ภัยตนเอง เพราะดันไม่มี “ม้าม” ไว้คัดกรองเชื้อโรค พอเป็นไข้หวัดก็ล้มตายเอาง่ายๆ จึงต้องหนีกลับดาวตัวเอง

ผมก็เลยไม่มีวิธีการเอาชนะเด็กกาเหว่ามาฝาก…แต่ก็ทิ้งท้ายคอลัมน์เมื่อวานว่า หากท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ซึ่งคงสถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์ เบื้องบนเห็นทางออกอย่างไร กรุณามาเข้าฝันผมด้วย…จะได้หยิบมาเขียนแนะนำรัฐบาลไทยให้นำไปแก้ปัญหาในปัจจุบันต่อไป

วันนี้ขออนุญาตเขียนต่ออีกวันนะครับ ถือโอกาสระหว่างรออาจารย์คึกฤทธิ์มาเข้าฝันปรึกษาท่านในประเด็นอื่นๆ ว่างั้นเถอะ

ประเด็นที่ผมติดใจมากและคิดว่ามีส่วนคล้ายกับเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างที่สุดก็คือประเด็นที่อาจารย์หม่อมบรรยายว่าเด็กๆ ลูกกาเหว่า

ที่บางเพลงทั้ง 214 รายนั้น ตกอยู่ภายใต้การควบคุมทาง “โทรจิต” จาก “ต้นสังกัด” ที่อยู่ต่างดาวมาตั้งแต่แรกเกิด

ทำให้เด็กๆ ไม่เชื่อคำสั่งสอนของพ่อแม่ชาวบางเพลง…แต่อย่างใด…กลับไปเชื่อคำสอน คำแนะนำจากต้นสังกัดผ่านโทรจิตทั้งสิ้น

ที่ผมบอกว่าคล้ายกับเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้ ก็เพราะบรรดาเด็กๆ กาเหว่าของ พ.ศ.นี้ล้วนตกอยู่ภายใต้อำนาจของ “โทรจิต” จากมนุษย์ นิรนามกลุ่มหนึ่งเช่นเดียวกัน

ต่างกันตรงที่ “โทรจิต” ยุคใหม่ก็คือ “โซเชียลมีเดีย” นั่นแหละครับ

มนุษย์นิรนามที่ไม่หวังดีต่อประเทศไทย ได้ส่งความคิดที่บิดเบือนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ตลอดจนอุปนิสัย และกิริยามารยาทอันไม่งดงาม เช่น สบถเป็นไฟแลบ หรือด่าเป็นไฟแลบ…ผ่านโซเชียลมีเดียในโทรศัพท์มือถือมาหลายปีแล้ว

อาศัยจังหวะที่พ่อแม่ยุคใหม่ขี้เกียจเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง หรืออาจเป็นเพราะไม่มีเวลาพอ…ปล่อยให้ลูกอยู่กับโทรศัพท์มือถือแทนพ่อแม่

ทำให้เด็กรุ่นใหม่กลายไปเป็นลูกของโทรศัพท์มือถือในที่สุด

เชื่อทุกสิ่งทุกอย่างในโทรศัพท์มือถือมากกว่าเชื่อพ่อแม่ของตนเอง

เมื่อตอนที่โซเชียลมีเดียออกมาใหม่ๆ ส่งผลให้สื่อหลัก เช่น สื่อ สิ่งพิมพ์ต้องปิดตัวเองไปมากมาย…และที่เหลืออยู่ก็เหนื่อยเหลือเกิน ทำให้ผมรู้สึกท้อแท้ใจอยู่พอสมควร

แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า ทุกอย่างเมื่อเกิดขึ้นก็ต้องดับไป…

เมื่อพวกเรากลายเป็นสื่อล้าสมัย ก็ย่อมจะถูกสื่อใหม่ๆ เขาเข้ามาแทนที่

ครั้นมาถึงวันนี้วันที่โซเชียลมีเดียคืบคลานเข้าไปสะกดจิตเด็กๆ รุ่นใหม่เอาไว้เสียเป็นจำนวนมาก จนเกิดภาพของ “กาเหว่า 2564” ออกมาคิดต่าง คิดรุนแรง กระทำรุนแรงดังกล่าว

ทำให้ผมรู้สึกว่า การล้มหรือการปิดตัวของสื่อหลักรุ่นเก่า กลายเป็นเรื่องเล็กๆ ไปเลยครับ เพราะเรื่องที่มันใหญ่กว่าคือเรื่องของ “สังคมไทย” ทั้งสังคมที่อาจจะล้มลงก็ได้ เพราะ “เจ้าไวรัสร้าย” ที่ร้ายกาจกว่าโควิด-19 หลายสิบเท่า ที่เรียกว่า “โซเชียลมีเดีย” ตัวนี้

ผมก็ได้แต่หวังว่าท่านอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ที่ผมเคารพ ซึ่งอยู่บนสรวงสวรรค์อาจจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้และอาจจะมีแนวทางแก้ไขอยู่ในใจท่านบ้าง จึงถือโอกาสเรียนปรึกษาท่านเพิ่มเติมในวันนี้

หากอาจารย์นึกอะไรไม่ออกก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมทราบดีว่าท่านจากพวกเราไปในยุคที่สื่อหลักอย่างเรามีอิทธิพลมากเหลือเกิน และคงไม่มีใครนึกหรอกครับว่าจะมี “โซเชียล” มาแทนพวกเรา

แต่หากอาจารย์นึกออกด้วยทิพยญาณใดๆ ก็ขอความกรุณามาเข้าฝันผมด้วยอย่างที่กราบเรียนไว้เมื่อวานนี้…หรือไม่ก็ไปเข้าฝัน “บิ๊กตู่” โดยตรงเลยครับ จะได้รวดเร็วทันใจ เพราะเรื่องนี้ดูจะใหญ่และหนักมากขึ้นทุกวันละครับท่านอาจารย์.

“ซูม”

ข่าว, กาเหว่าที่บางเพลง, บางกอก, โซเชียลมีเดีย, ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, ซูมซอกแซก