ผมนั่งดูคลิปที่ท่านรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข คุณหมอธงชัย กีรติหัตถยากร กล่าวกับอายุรแพทย์ 4 สาขาจบใหม่ จำนวน 144 ท่าน เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้วก็อดที่จะสะเทือนใจ จนแทบจะน้ำตาคลอตามท่านรองปลัดฯ ไปเสียมิได้
อายุรแพทย์ทั้งหมดนี้ จะมาร่วมปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนภารกิจของโรงพยาบาลสนามเพื่อสู้ศึกโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักหน่วงทั่วประเทศไทยโดยเฉพาะใน กทม.และปริมณฑลในขณะนี้
โดย 69 ราย จะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ใน กทม. และปริมณฑล และอีก 75 ราย จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามพื้นที่เดิมที่ตนเองใช้ทุนอยู่
ท่านรองปลัดฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือหลายช่วงหลายตอนว่า ต้องขอโทษและขอบคุณน้องๆ ที่มาช่วยกันวันนี้ และต้องยอมรับว่า สถานการณ์ใน กทม. และปริมณฑล ซึ่งเป็นสีแดงนั้นวิกฤติจริงๆ
“เราไม่อยากจะอยู่ในสภาพเดียวกับยุโรป เมื่อปีที่แล้วที่ไม่มีการขยายเตียงให้ผู้ป่วย จนผู้ป่วยต้องไปนอนที่บ้าน เราต้องดูแลผู้ป่วยของเราให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ชั่วชีวิตนี้เราไม่เคยผ่านสงครามโลก ครั้งที่ 2 แต่ตอนนี้กำลังผ่านสงครามโรคที่ทั่วโลกกำลังสู้อยู่ และไม่มีใครหลบพ้น…ทุกคนกำลังต่อสู้กันหมด น้องๆ เป็นกำลังสำคัญทั้งต่างจังหวัดและใน กทม.”
“เราต้องดูแลคนไทย หรือคนเชื้อชาติไหน เมื่อมาอยู่ในแผ่นดินไทยก็ต้องดูแลเช่นกัน ไม่ดูแลก็ไม่รอดเช่นกัน ทุกคนในแผ่นดินไทยต้องรอดหมด ทิ้งใครไว้ข้างหลังไม่ได้”
“ถือเป็นครั้งแรกที่ระดมทำกันอย่างนี้ ถ้าไม่ทำคงเจอคนนอนตายที่บ้าน และไม่มีที่ไป ประเทศไทยไม่ควรเป็นเช่นนั้น ที่จะต้องเลือกว่า ใครจะอยู่หรือใครจะไป ไม่อยากเห็นภาพเช่นนั้น”
ผมเชื่อว่าท่านรองปลัดฯ ธงชัย กล่าวมาจากส่วนลึกในหัวใจของท่านในฐานะนักรบเสื้อกาวน์ ที่อยู่ในสมรภูมิมาตั้งแต่ต้น
ไม่มีนักรบในสงครามไหนอยากจะรบแพ้และเมื่อเริ่มเพลี่ยงพล้ำ ก็อดที่จะใจหายเสียมิได้ เพราะในทุกๆ สงครามล้วนเดิมพันด้วยชีวิตของทหาร และประชาชนทั้งสิ้น
ในสงครามเชื้อโรคก็เช่นกันเมื่อนายทหาร หรือบรรดาคุณหมออาวุโสทั้งหลายเริ่มรู้สึกว่าท่านไม่สามารถดูแลชีวิตของพี่น้องประชาชนได้อย่างที่ท่านคาดหวังไว้…มีผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตวันแล้ววันเล่า จากสิบเป็นหลายๆ สิบ จนขณะนี้รวมกันถึง 2 พันกว่ารายแล้ว และยังอาจจะต้องเสียชีวิตอีกจำนวนมาก…ท่านจึงได้กล่าวและแสดงความรู้สึกจากใจของท่านอย่างท่ีเราได้เห็นและได้ฟังในคลิปดังกล่าว
แต่โดยสรุปท่านรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ท่านพร้อมที่จะสู้รบต่อไป โดยมี “นายทหารใหม่” อีก 144 ราย มาร่วมรบด้วย ซึ่งท่านก็ได้กล่าวขอบคุณคุณหมอเหล่านี้ไว้ด้วยแล้ว
ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่ตกอยู่ในภาวะสงครามครั้งนี้ และถูกศัตรูที่มองไม่เห็นตัว ซึ่งเต็มไปด้วยความโหดร้าย ไล่ล่าหมายปองชีวิตเช่นเดียวกับพี่น้องชาวไทยและชาวโลกอื่นๆ…ผมขอแสดงความ “ขอบคุณ” ต่อคุณหมอทุกๆ ท่านด้วยเช่นกัน
ขอบคุณผู้ที่อยู่ใน ระบบสาธารณสุข ทั้งระบบ รวมถึงผู้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับคุณหมอ และบุคลากรทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง หรืออาสาสมัครทุกหน่วยทุกประเภททั่วประเทศ
แม้สถานการณ์ในขณะนี้จะดูเหมือนว่า พวกท่านกำลังเพลี่ยงพล้ำ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสูงพรวดพราดเกินครึ่งหมื่นต่อวัน และยอดผู้เสียชีวิตก็เป็นหลักครึ่งร้อย หรือเกินครึ่งร้อยมาหลายวันติดต่อกัน
แต่คำว่าเพลี่ยงพล้ำมิได้แปลว่า พ่ายแพ้…เพราะสงครามยังไม่จบ เรายังจะสู้กันต่อ…และผมหวังว่าวันหนึ่งเราจะเป็นฝ่ายชนะ
ผมยังเชื่อในฝีมือของบุคลากรทางการแพทย์ และเชื่อด้วยว่าเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่…เราจะสามารถเอาชนะศึกครั้งนี้ได้ในที่สุด
อย่าเพิ่งท้อนะครับทุกๆ ท่าน ที่อยู่ในระบบสาธารณสุขไทย…ผมยังเชื่อว่าระบบของเราจะยังไม่ล่มสลายเหมือนที่เริ่มมีคำปรามาสเกิดขึ้นบ้างแล้วในขณะนี้.
“ซูม”