ผมฉีด “วัคซีน” แล้วครับ แค่ “เจ็บๆ คันๆ ” จิ๊ดเดียว

ผมและแม่บ้านได้รับโทรศัพท์เชิญจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งให้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมานี้เองครับ

แต่เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนไม่ค่อยไว้วางใจซึ่งกันและกัน และชอบจับผิด ชอบหาเหตุกัน…อะไรนิดอะไรหน่อยก็โพสต์ด่า โพสต์ตำหนิ โพสต์ประจานโน่นนี่นั่นอุตลุดไปหมด ฯลฯ

ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าการที่ผมและแม่บ้านได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลดังกล่าวให้ไปฉีดวัคซีนครั้งนี้ จะโดนกล่าวหาว่าเป็น “วีไอพี” แซงคิวคนอื่นๆ แบบที่โรงพยาบาลแถวๆ ภาคเหนือโดนเล่นงานจนท่าน ผอ.โรงพยาบาลต้องถูกตั้งกรรมการสอบหรือไม่?

จึงขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อโรงพยาบาลเอาไว้ก่อน รอให้คนไทยอารมณ์เย็นลง ไม่โกรธง่าย ไม่โพสต์ตำหนิอะไรง่ายๆ ค่อยตัดสินใจบอกชื่อโรงพยาบาลในภายหลังก็แล้วกัน

จริงๆ แล้วผมไม่อยากจะเขียนถึงเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่เกิดที่จังหวัดภาคเหนืออย่างที่ว่า แต่มาคิดอีกทีผมก็เห็นว่าประสบการณ์ของผมอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านท่านอื่นๆ ไม่มากก็น้อย จึงตัดสินใจที่จะเขียนเล่าเรื่องนี้โดยไม่เอ่ยชื่อโรงพยาบาล

ก่อนอื่นใดทั้งหมด ผมอยากจะกราบเรียนเป็นเบื้องต้นว่า ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมโชคดีหรือใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปแซงคิวคนอื่นๆ แต่อย่างใด จริงๆ แล้วรู้สึกหวาดกลัว วิตกมาก และรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายนิดๆ ด้วยซ้ำ เมื่อได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลล่วงหน้า 2 วัน

แน่นอนผมอายุมากแล้ว วัคซีนที่จะฉีดครั้งนี้ต้องเป็น แอสตราเซเนกา แน่ๆ และเมื่อเอ่ยถึงวัคซีนยี่ห้อนี้ก็ทราบกันดีแล้วว่าเป็นข่าวเยอะที่สุด จากรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศ

แม้ล่าสุด WHO จะออกมาการันตีให้วัคซีนยี่ห้อนี้ว่าโอเคไม่มีผลข้างเคียงอย่างที่บางประเทศหวั่นวิตก แต่ผมและแม่บ้านก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี ดังนั้นเมื่อได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลจึงรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ดีเสียมากกว่าโชคดี ดังที่เขียนไว้ตอนต้น

แม่บ้านผมนั้นถึงกับนอนไม่หลับ และพอเผลอหลับไปหน่อย ก็ละเมอตื่นอุทานบอกกับผมว่าฝันร้ายจัง มองเห็นเข็มฉีดยาพุ่งเข้าใส่เป็นสิบๆ ร้อยๆ เข็ม จากนั้นก็นอนไม่หลับอีกเลย

ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่จะต้องฉีด แอสตราเซเนกา อาจจะมีความรู้สึกหวั่นวิตก เช่นเดียวกับเรา 2 คน

ดังนั้น เมื่อในที่สุดหลังจากเรา 2 คน ข่มสติอารมณ์ระงับความหวาดกลัวได้สนิทแล้ว ยอมไปให้คุณหมอฉีดเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งนั่งให้คุณหมอดูอาการครึ่งชั่วโมงที่โรงพยาบาล และกลับมาดูอาการต่อที่บ้าน

ปรากฏว่า ณ บัดนาว (ขณะเขียนต้นฉบับบ่ายๆ วันเสาร์) ผ่านไป 2 วันเต็มๆ เรา 2 คน มีอาการปกติดี ไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆทั้งสิ้น

ผมเองฉีดเสร็จ นั่งพักดูอาการเสร็จใกล้เที่ยง…ยังไปรับประทานอาหารกลางวันกับผู้ใหญ่ตามที่นัดไว้และยังไปงานศพ งานเลี้ยง งานเปิดตัวหนังสือ ฯลฯ ตลอดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมา

ไม่ได้รู้สึกตัวว่าเกิดอาการข้างเคียงใดๆ เลย ไม่มีแม้แต่ปวดหัว ตัวร้อนหรือเป็นไข้เล็กๆ น้อยๆ แต่อย่างใด

เท่าที่ติดตามข่าว ผู้สูงอายุที่มีโอกาสไปฉีดลอตแรกตามโปรแกรมของโรงพยาบาลแห่งนี้กว่า 200 คน พร้อมๆ กับเรา…ต่างก็สบายดีทั่วหน้า

ผมจึงตัดสินใจเขียนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่ตัวผมและแม่บ้านในวันนี้เพื่อที่จะเป็นกำลังใจแก่ผู้อาวุโสอื่นๆ ที่คงจะได้รับการเชื้อเชิญจากโรงพยาบาลที่ท่านฝากผีฝากไข้อยู่ในไม่ช้าก็เร็วนี้

ขอให้สบายใจนะครับ อย่ากลัว อย่าฝันร้าย อย่าวิตกใดๆ ทั้งสิ้น…เจ็บจี๊ดเดียวเอง (แม่บ้านผมเจอน้องพยาบาลมือเบาไม่เจ็บเลยด้วยซ้ำ)

ใครที่ได้รับการตามตัว ขอให้รีบไปฉีดโดยเร็วเถิด…ใครที่ยังไม่ได้รับการตามตัวก็อย่าโกรธ เพราะภายในเดือนมิถุนายนนี้จะมาเป็นล้านๆ โดสได้ฉีดแน่นอน

ขอขอบคุณโรงพยาบาล “ขอสงวนนาม” ที่เชิญผมไปฉีด แอสตราเซเนกา ไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งหนึ่ง

ป.ล. พรุ่งนี้จะมี “ไทม์ไลน์” อย่างละเอียด ตั้งแต่เดินเข้าโรงพยาบาล ไปถึงตอนโดนจิ้มแขน ตลอดจนระหว่างเฝ้ารอดูอาการ มาฝากท่านผู้อ่านอย่าลืมติดตามอ่านกันด้วยนะครับ.

“ซูม”

ข่าว, ฉีดยา, โควิด 19, วัคซีน, ป้องกัน, โรงพยาบาล, แอสตราเซเนกา, ซูมซอกแซก