เมื่อวันตรุษจีนที่ผ่านมา หัวหน้าทีมซอกแซกซึ่งมีเชื้อสายจีน และยังยึดถือประเพณีจีนตั้งโต๊ะไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษในช่วง “วันไหว้” เช่นเดียวกับพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งหลาย
ครั้นวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวัน “ชิวอิ๊ด” หรือวันขึ้นปีใหม่แบบจีนที่เรียกกันว่า “วันถือ” หรือ “วันเที่ยว” นั้น หัวหน้าทีมก็ถือโอกาสพาลูกหลานในครอบครัวออกนั่งรถเที่ยวชมเมือง แบบว่าขับตระเวนไปเรื่อยๆ และตั้งใจจะจบการเดินทางด้วยการแวะรับประทานอาหารนอกบ้านในภัตตาคารหรือศูนย์อาหาร ณ ที่ใดที่หนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าอาหารอร่อย แต่ผู้คนไม่แน่นขนัดเกินไป
เพื่อจะได้รักษาระยะห่างในระหว่างรับประทาน ในช่วงที่โควิด-19 กลับมาระบาดใหม่และยังไม่คลี่คลายเท่าใดนักในช่วงนี้
ลูกๆ เสนอว่ามีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่ที่หนึ่งเพิ่งเปิดมาได้ไม่ถึง 6 เดือน มีร้านอาหารอร่อยๆ หลายร้าน ผู้คนยังไม่หนาแน่นมาก พอจะปฏิบัติตามนโยบาย Social Distancing ได้
ที่สำคัญมีร้านอยู่ร้านหนึ่ง “ผู้อาวุโส” หรือ “เล่านั้ง” อย่างหัวหน้าทีมซอกแซกต้องชอบแน่ๆ เพราะเป็นร้านกาแฟแบบโบราณ แต่ก็มีเมนูอาหารชนิดรับประทานอิ่มได้นับร้อยเมนู เพิ่งมาเปิดสาขาใหม่ที่นี่
เป็นหนึ่งของร้านในตำนานแห่งกรุงเทพมหานครเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเดือน 2 เดือนก่อน ลูกๆ ได้รับเชิญมารีวิวงานศิลปะสาธารณะร่วมสมัยที่อาคารแห่งนี้ แวะมารับประทานไปแล้วหนึ่งมื้อ การันตีว่า “พ่อ” ต้องชอบใจแน่นอน
เราจึงตัดสินใจแวะที่อาคาร “มิกซ์ยูส” หลังมหึมาใหม่เอี่ยมที่ถนนพระราม 4 อยู่ตรงหัวมุมที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าสู่อโศกพอดิบพอดีเป๊ะ
ขึ้นชื่อตัวเบ้อเริ่มบนหลังคาว่า The PARQ ที่เคยมีข่าวว่าเป็นหนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือของเสี่ย เจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ยึดหัวหาดย่านพระราม 4 เอาไว้หลายช่วงในปัจจุบัน
กล่าวเฉพาะร้านอาหารของที่นี่…ปรากฏว่ามีทั้งอาหารญี่ปุ่น ทั้งอาหารไทย ทั้งอาหารฝรั่งเต็มไปหมด รวมทั้งร้าน “โกปี๊” ในตำนานที่ลูกๆ ตั้งใจเชิญชวนหัวหน้าทีมมารับประทาน
ร้าน “โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่” ครับ ต้นตำรับเดิมอยู่ที่ย่าน วิสุทธิกษัตริย์ ต่อมาก็ไปปักหลักที่ย่านเสาชิงช้าใกล้ๆ กทม. แล้วก็ที่ถนนพระสุเมรุผ่านฟ้าเป็นสาขาที่ 3 ตามมาด้วยร้านที่ตลาดเสรีมาร์เกต เดอะไนน์ ย่านพระราม 9 เป็นสาขาที่ 4 และที่ เดอะไบรท์ ย่านพระราม 2 เป็นสาขาที่ 5
สาขาที่ The PARQ Life ที่หัวหน้าทีมกำลังจะแวะไปรับประทานมื้อเย็นฉลองเทศกาลตรุษจีนปีนี้ นับเป็นสาขาล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดขึ้นหมาดๆ
อย่างไรก็ตาม เนื่อง จากสาขาแรกที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์ได้หยุดดำเนินการไปแล้ว จึงเหลือร้านที่ยังให้บริการอยู่ในขณะนี้รวม 5 แห่งเหมือนเดิม
สำหรับสาขา The PARQ ออกแบบเป็นร้านกาแฟโบราณตามสไตล์ดั้งเดิมของร้าน โดยใช้โต๊ะกลมหินอ่อนแบบโบราณแท้ มีที่นั่งรับประทานทั้งในห้องแอร์และนอกห้องแอร์ทั้ง 2 แบบ
ในเมนูอาหารซึ่งจะพิมพ์ประวัติความเป็นมาของร้านเอาไว้ด้วยระบุว่า “โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่” สาขาแรกเปิดดำเนินการเมื่อ พ.ศ.2495 หรือ 69 ปีที่แล้ว ณ บริเวณแยกวิสุทธิกษัตริย์
มีโต๊ะกาแฟเพียง 3 โต๊ะเท่านั้น อยู่ในร้านโชห่วย ซึ่งขายของจิปาถะ ตามสไตล์โชห่วยในยุคก่อน
ต่อมาเมื่อกาแฟหรือโกปี๊ขายดีกว่าโชห่วย บรรพบุรุษของตระกูลก็หันมาขายโกปี๊หรือกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่เสริมอาหารเช้าแกล้มกาแฟเข้าไปด้วย โดยเฉพาะเมนู “ไข่กระทะ” และขนมปังปิ้งถือเป็นเมนูหลักและเป็นเมนูแรกๆ ประจำร้านมาตั้งแต่ยุคโน้น
หลังจากนั้นก็มีการจัดเมนูเสริมอีกหลายๆ รายการ แต่ยังเป็นประเภท “ฟาสต์ฟู้ด” สไตล์จีนแบบรับประทานง่ายๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยวหลอด ข้าวผัดอเมริกัน ฯลฯ ก่อนจะกลายเป็น 100 เมนู มีทั้งโรตี เขียวหวานไก่ มะกะโรนีผัดซอสกุ้ง และอีกสารพัดรายการ ที่ต้องไปเลือกจิ้มกันเอาเองในปัจจุบัน
ทางด้านกาแฟหรือโกปี๊ก็มีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ จากการใช้วิธีชงแบบถุงมาเป็นการใช้เครื่องชงกาแฟแบบตะวันตก ที่เอกสารของเฮี้ยะไถ่กี่ มั่นใจมากว่าน่าจะเป็นร้านแรกๆ ของประเทศไทย ซึ่งทำให้กลายเป็นจุดเด่นของร้าน เนื่องจากเครื่องชงตะวันตกมีกลิ่นหอมโชยเตะจมูกลูกค้าในร้านได้มากกว่ากาแฟถุงแบบดั้งเดิม
โดยข้อเท็จจริงแล้ว หัวหน้าทีมซอกแซกเป็นนักรับประทานตัวฉกาจคนหนึ่ง และผ่านการรับประทานร้านดังเก่าแก่ของเมืองหลวงเกือบทุกแห่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่เคยมีโอกาสรับประทานร้านนี้มาก่อนเลย…แม้จะผ่านร้านสาขาใหม่ 2 สาขาคือที่เสาชิงช้า และที่ผ่านฟ้า บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยลิ้มลองแม้สักครั้งเดียว
หัวค่ำวันตรุษจีน 2564 ที่ The PARQ Life จึงเป็นการรับประทานหนแรกและได้สั่งเมนูพิเศษเฉพาะตรุษจีนมาเป็นอาหารหลักประกอบด้วย “ซี่โครงหมูอบ” “ก๋วยเตี๋ยวหลอด” และ “แกงเขียวหวานไก่ (โรตี)” ซึ่งมีการตั้งชื่อเสริมเป็นพิเศษ เพื่อความเป็นสิริมงคล
พร้อมกับสั่งเมนูต้นตำรับที่พลาดไม่ได้อย่าง “ไข่กระทะ” และ “ขนมปังปิ้ง” เพื่อให้ได้ชื่อว่ามาถึงร้านนี้แล้วอย่างสมบูรณ์
ส่วนของหวานมี ไมโลภูเขาไฟ (คล้ายๆ บิงซู) กับ โรติม หรือ โรตี+ไอศกรีม อีก 1 สัญลักษณ์
สรุปก็คือ โอเคครับ! รสชาติสมกับคำเล่าลือทุกประการ โดยเฉพาะไข่กระทะสไตล์โบราณ… อร่อยมาก เทียบได้กับไข่กระทะที่อุดรธานี และขอนแก่น ที่ยังอยู่ในความทรงจำของหัวหน้าทีมซอกแซกแม้จนบัดนี้
ส่วนสนนราคาเมื่อขึ้นห้างก็อาจจะสูงกว่าราคาตลาดทั่วไปอยู่บ้าง แต่ไม่น่าจะแพงไปกว่าราคาอาหารโดยเฉลี่ยตามห้างยุคนี้
ขอบคุณลูกๆ หลานๆ ที่พาไประลึกความ หลัง…ได้เห็นการตกแต่งร้านแบบโบราณ ป้ายชื่อร้านใช้ตัวอักษรโบราณ แถมด้วยโต๊ะม้าหินกลมโบราณ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ.
“ซูม”