อภิปรายไม่ไว้วางใจ สะท้อน “สังคมไทย” วันนี้?

ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงบ่ายๆ ของวันที่สอง ซึ่งยังเหลือเวลาที่จะอภิปรายอีก 2 วันเต็มๆ ก่อนจะมีการลงมติในวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์นี้

ผมเองไม่มีเวลาติดตามรับฟังโดยตลอด แต่เท่าที่ได้ฟังได้ชมการถ่ายทอดสดอยู่บ้างนั้น…ผมมีความรู้สึกว่าการอภิปรายครั้งนี้ค่อนข้างดุเดือดกว่าทุกๆ ครั้ง

ดุเดือดตั้งแต่ญัตติขอเปิดอภิปรายที่เขียนไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรที่ใช้ถ้อยคำค่อนข้างหนักหน่วงรุนแรงตั้งแต่ย่อหน้าแรก ซึ่งจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนแรก

“บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึก และความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่ง ให้แก่ตน และพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้เศรษฐกิจดิ่งเหว”

เรียกว่ารวบรวมความไม่ดีงามทั้งหลายทั้งปวงมาไว้ในตัวนายกรัฐมนตรีอย่างครบถ้วนแทบไม่มีข้อไหนตกหล่นว่าอย่างนั้นเถอะ

พอเริ่มอภิปรายวันแรกก็หนักเลย เมื่อผู้นำฝ่ายค้าน คุณสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ลุกขึ้นอ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกครั้ง ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าและดุเดือดกว่าที่เขียนยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นลายลักษณ์อักษรหลายเท่า

รวมไปถึงท่อนสุดท้ายที่ท่านผู้นำฝ่ายค้าน ท่านใช้คำที่เป็นภาษาไพเราะว่า รัฐบาลนี้เป็นได้เพียง “รัฐบาลปรสิต” กัดกร่อนอนาคตประเทศไทย ซึ่งพรรคฝ่ายค้านจะไม่ยอมอดทนให้ทำหน้าที่ต่อไป

ผมไม่ได้ใช้คำว่า “ปรสิต” มานาน…จำความหมายได้คลับคล้าย คลับคลา ต้องไปเปิดพจนานุกรมดูถึงได้รู้ว่า หมายถึง…สิ่งมีชีวิตที่ไปอาศัยอยู่กับสิ่งมีชีวิตอื่นแล้วเป็นฝ่ายได้รับประโยชน์ ในขณะที่อีกฝ่ายเสียประโยชน์ หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ สัตว์พวกพยาธิที่อาศัยอยู่ในร่างกายของมนุษย์และสัตว์

ไหมละครับ ไปเปิดพจนานุกรมนั่นแหละถึงได้รู้ว่าท่านสมพงษ์ท่านด่าแรงเป็นเหมือนกัน

สำหรับการอภิปรายใน 2 วันแรกนั้น ผมก็รู้สึกว่าใช้ถ้อยคำรุนแรงกว่ายุคก่อนๆ มีการส่อเสียด มีการใช้คำพูดในลักษณะเหยียดหยามเยาะเย้ยจนต้องลุกขึ้นประท้วงกันหลายครั้ง

แต่ในแง่ของเนื้อหาสาระ ผมยังไม่พบว่าจะมีอะไรลึกซึ้งพอที่จะน็อกเอาต์รัฐบาลได้ เพราะยังคงเป็นการรวบรวมจากข่าวหนังสือพิมพ์หรือในสื่อสังคมออนไลน์เสียเป็นส่วนใหญ่

ทีเด็ดทีขาดจากการเจาะลึกของพรรคฝ่ายค้านเองดูเหมือนจะไม่มีเลยในช่วง 2 วันแรก

ก็คงต้องรอใน 2 วันสุดท้าย โดยเฉพาะวันนี้ (ศุกร์ที่ 19 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายว่าจะมีไม้เด็ดจากฝ่ายค้านหรือไม่ อย่างไร?

แต่ไม่ว่าหวยจะออกอย่างไร ผมก็อยากจะฝากท่าน ส.ส.ผู้มีเกียรติทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายค้านให้อภิปรายแบบเนื้อๆ และแน่นไปด้วยหลักฐานที่จะทำให้รัฐบาลจนกลางกระดานจะเป็นการดีที่สุด

เพราะการเล่นแรงด้วยถ้อยคำสำนวนนั้น แม้จะฟังดูมัน ดูสะใจ แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร…นอกเสียจากจะทำให้ความบาดหมางและความเกลียดชังซึ่งกันและกันเพิ่มมากขึ้น

ทุกวันนี้ความแตกแยกในสังคมไทยเราเป็นไปอย่างรุนแรงอยู่แล้ว การวิพากษ์วิจารณ์ การด่าทอต่างๆ โดยเฉพาะบรรดาคอมเมนต์ในโซเชียลก็รุนแรงมากเหลือเกิน จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นความเห็นของคนไทยที่เคยได้ชื่อว่าเป็นคนอารมณ์เย็น นิสัยดี จิตใจดีอย่างมากในอดีต

หากสมาชิกสภายังคงทะเลาะกันอย่างรุนแรงเป็นตัวอย่างให้เห็น อีกกลุ่มหนึ่ง…ก็จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งในสังคมไทยเราสูงขึ้นไปอีก

ผมก็ขอฝากไว้แค่นี้แหละครับ เพราะไม่อยากเห็นประเทศไทยของเรากลายเป็นประเทศของคนอารมณ์รุนแรง ขี้โมโหขี้โทโสกันไปเสียหมด ตั้งแต่ริมถนน ตั้งแต่การแสดงความเห็นในโซเชียล ไปจนถึงสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ

จะไม่เหลือคำว่า “สยามเมืองยิ้ม” ให้โลกยกย่องอย่างที่เคยยกย่องเรามาตลอดเสียเท่านั้น…แม้อีกหน่อยไม่มีโควิด-19 แล้ว…นักท่องเที่ยวก็อาจจะไม่อยากมาเที่ยวเมืองไทยอยู่ดี.

“ซูม”

ข่าว, อภิปราย, ไม่ไว้วางใจ, รัฐบาล, อภิปราย, พรรคฝ่ายค้าน, สังคมไทย, สยามเมืองยิ้ม, ซูมซอกแซก