บันทึกด้วยรัก และ “ห่วงใย” “วันไหว้พระ” ปีใหม่ 2564

เมื่อวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ผมสามารถปฏิบัติตามแผน “ไหว้พระ 9 วัดแบบนิวนอร์มอล” ที่ผมเขียนเสนอแนะล่วงหน้าไว้ในคอลัมน์ซอกแซก ฉบับวันอาทิตย์ได้อย่างครบถ้วน ไม่มีตกหล่นแม้แต่วัดเดียว

ซึ่งการไหว้พระแบบ “นิวนอร์มอล” ที่ผมเสนอก็คือการขับรถไปยังวัดต่างๆ ที่เราตั้งเป้าไว้ล่วงหน้า และเมื่อไปถึงหน้าวัดแล้วก็ใช้วิธีไหว้ขอพรหรืออธิษฐานอยู่บนรถของเรานั่นเองโดยไม่ต้องลงไปเดินเบียดเสียดกับพี่น้องประชาชนอื่นๆ

ในขณะไหว้ก็ให้เอ่ยด้วยว่าที่เราต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงที่โควิด-19 กลับมาระบาดหนักระลอกที่สอง คือ จะต้องรักษาระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

รอให้โควิด-19 เบาบางกว่านี้หรือปีหน้าฟ้าใหม่ที่สถานการณ์ดีขึ้น แล้วลูกช้างจะมากราบไหว้หลวงพ่อต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง

ปรากฏว่าผมใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้นก็สามารถไหว้ได้ครบทั้ง 9 วัด ตั้งแต่ วัดพระแก้ว ไปจนถึงวัด เบญจมบพิตร ตามแผนทุกประการ

จริงๆ แล้วผมน่าจะทำเวลาได้ดีกว่านี้ด้วยซ้ำ ถ้าเป็นในปีปกติอื่นๆ เพราะรถราใน กทม.ค่อนข้างจะเบาบางอยู่แล้วในวันขึ้นปีใหม่…แต่สำหรับปีนี้ผมมีความรู้สึกว่าในบางวัดที่ประชาชนนิยมนับถือมากๆ ปริมาณรถค่อนข้างมากกว่าเดิมทำให้เกิดภาวะรถติดถึงขั้นหยุดนิ่งพอสมควรเลยทีเดียว

เช่นที่ วัดพระแก้ว กว่าเราจะขับรถพ้นถนน สนามไชย ซึ่งเป็นถนนเส้นบังคับเส้นเดียวสำหรับรถที่วิ่งไปจากด้านเหนือของวัดพระแก้ว… ต้องหยุดนิ่งหลายจังหวะ

กับที่หน้าวัดมังกรกมลาวาส ถนนเจริญกรุง ซึ่งมากทั้งคนทั้งรถทำให้รถติดยาวนานพอๆ กับวันปกติของย่านนี้อย่างไรอย่างนั้น

แต่ก็ดีไปอย่างครับ เพราะวัด มังกรฯ นั้นเป็นวัดที่มีชื่อเสียงทางด้าน “แก้ชง” ของคนปีชงต่างๆ ทำให้สมาชิกในรถของผมที่เผอิญเกิดปีชงสามารถอธิษฐานขอพรได้ครบถ้วนทั้งในเรื่องแก้ชงและเรื่องอื่นๆ

เท่าที่ผมสังเกตเห็นขณะที่นั่งอธิษฐานอยู่ในรถของผมเองประการหนึ่งก็คือ เกือบทุกวัดผู้คนยังคงแน่นขนัด…อาจจะน้อยลงจากปีก่อนๆ บ้าง แต่ก็คงไม่มากนัก…ทำให้วัดที่มีพื้นที่แคบๆ อย่าง วัดบวรฯ, วัดชนะสงคราม, วัดราชบพิธ และ วัดเล่งเน่ยยี่ เป็นต้น ยังมีการเบียดเสียดพอสมควร

แต่ก็เบาใจลงเยอะครับ เพราะในบรรดาพี่น้องประชาชนที่แน่นขนัดเหล่านั้น สวมหน้ากากอนามัยทุกคนจะใช้คำว่าสวมหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ก็เห็นจะได้

แสดงว่าผู้ที่ไปสักการะทุกๆ ท่านต่างรู้ตัวและตระหนักดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ท่านจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง จึงมีการป้องกันตัวเอง แล้วอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกย้อนกลับไปอีกทีก็อดกังวลใจเสียมิได้น่ะครับ

เพราะการที่พี่น้องประชาชนยังคงไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างหนาแน่นพอสมควรแบบโอลด์นอร์มอลคือ ลงไปกราบถึงด้านในนั้น…แม้จะมีการป้องกันเต็มที่แต่อะไรที่มันแน่นๆ เบียดๆ แบบนี้ จะมีข้อผิดพลาดทางเทคนิคเกิดขึ้นบ้างไหมหนอ?

ก็ได้แต่ภาวนาเพิ่มเติม ขณะเขียนต้นฉบับวันนี้ว่า ขออย่าได้มีอะไรผิดพลาดทางเทคนิคเกิดขึ้นเลย ขอให้พี่น้องประชาชนที่ผมเห็นว่าสวมหน้ากากอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์แล้วนั้นและคาดเดาว่าคงจะล้างมือด้วยเจลหรือด้วยสบู่เป็นระยะๆ แล้วนั้น…จงได้รับการคุ้มกันจากการเบียดเสียด ระหว่างไหว้พระจนปลอดภัยโดยทั่วหน้าด้วยเถิด

ก่อนส่งต้นฉบับผมอ่านพาดหัวข่าวของสำนักข่าวออนไลน์หลายสำนัก สรุปข้อใหญ่ใจความได้ว่า ท่านผู้ว่าฯ กทม.ได้ลงนามในประกาศล็อกดาวน์ 25 สถานที่ (รวมทั้งปิดโรงเรียนทุกแห่ง) และจัดระเบียบอีก 19 พื้นที่ไปเรียบร้อยแล้ว

แสดงว่าสถานการณ์ใน กทม.ขณะนี้ก็หนักหนาและรุนแรงไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ ที่รุนแรงและเป็นสีแดงเช่นเดียวกัน

ผมรีบยกมือขึ้นประนมระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งทั้งจาก 9 วัด ที่ผมเพิ่งไปสักการะเมื่อวันขึ้นปีใหม่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่ผมนับถือ และยังมิได้ไปสักการะด้วยตนเองในปีนี้

สถานการณ์ดูท่าจะไปกันใหญ่และน่าห่วงใยขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะครับ ขณะนี้… ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งใน กทม. ปริมณฑล และทั่วราชอาณาจักรไปตลอดปี 2564 ด้วยเทอญ.

“ซูม”

เทศกาล, ปีใหม่, สวดมนต์, ข้ามปี, ประเพณี, ไหว้พระ, โควิด, ซูมซอกแซก