วันพ่อแห่งชาติ 2563 จากใจ “พสกนิกร” ทั่วไทย

ผมก็เหมือนคนไทยอายุเกิน 70 ปี ของประเทศนี้ ที่สามารถจะกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า เรามี “พ่อ” อยู่ 2 คน พ่อคนแรกก็คือ “พ่อบังเกิดเกล้า” ผู้ให้กำเนิดแก่เรานั่นเอง…สำหรับพ่อคนที่สองก็คือ “พ่อของแผ่นดิน”…พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช รัชกาลที่ 9 ที่พสกนิกรชาวไทยพร้อมใจกันถวายสมัญญานี้ให้แก่พระองค์ท่าน

พ่อบังเกิดเกล้าของผมเป็นคนจีนไหหลำที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร เมื่อประมาณปี พ.ศ.2480

ต่อมาแต่งงานกับแม่ผมที่เป็นคนไทย แล้วก็ตัดสินใจปักหลักอยู่ที่อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ไม่กลับไปไหหลำอีกเลย

พ่อกับแม่เปิดร้านขายของชำ ซึ่งก็ขายดีพอใช้ เพราะแม่เป็นคนเก่าแก่ของบรรพตพิสัย มีคนรู้จักเยอะ จึงมีลูกค้าเยอะ

ครอบครัวของเราแม้จะไม่รํ่ารวยอะไรหนักหนา แต่ก็มีเงินออมเหลือพอที่จะส่งผม ลูกชายคนโตไปเรียนหนังสือที่ปากนํ้าโพ ในเขตอำเภอเมือง และส่งต่อมาเรื่อยๆ จนถึง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ และ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในที่สุด

ตั้งแต่ผมจำความได้ พ่อบังเกิดเกล้าของผมที่ผมเรียกท่านว่า “เด” ในภาษาไหหลำ จะสอนผมให้เคารพรักและเทิดทูน “พ่อคนที่สอง” หรือ “พ่อของแผ่นดิน” อยู่ตลอดเวลา

เดอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.9 และพระบรมราชินีนาถที่ตัดจากปฏิทินมาใส่กรอบแขวนไว้ใกล้ๆ กับหิ้งพระและหิ้งไหว้เจ้าประจำบ้าน

ทุกคืนท่านจะไหว้ทั้งเจ้า ทั้งพระพุทธรูป จากนั้นก็จะไหว้พระบรมฉายาลักษณ์ของทั้ง 2 พระองค์

เดเคยพูดถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ผมฟังบ่อยๆ ประโยคหนึ่งที่ผมยังจำได้อยู่เสมอก็คือ “อ้วงเก (พระเจ้าอยู่หัว) พระองค์นี้ รักคนจีน มีเมตตาต่อคนจีน”

วันที่ผมเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ จึงเป็นวันหนึ่งที่เดภูมิใจมากที่สุด เพราะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ และมองเห็นพระองค์จริงของ “อ้วงเก” เป็นครั้งแรกในชีวิตของท่าน

จากคำสอนของเดและแม่ ทำให้ผมซึมซับในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 มาโดยตลอด และต่อมาผมเข้ารับราชการได้ทำงานด้านการพัฒนาชนบท มีโอกาสเดินทางไปทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ทุรกันดารต่างๆ ก็ยิ่งทำให้ผมบังเกิดความรัก ความเคารพในพระองค์ท่านมากขึ้นไปอีก

เนื่องเพราะทุกแห่ง ทุกที่ ที่ผมไป พระองค์ท่านได้เคยเสด็จฯ ไปก่อนแล้วทั้งสิ้น

แม้ในยุคที่แผ่นดินไทยกำลังลุกเป็นไฟ พระองค์ท่านก็เสด็จฯ ไปทรงดับไฟในแต่ละพื้นที่ โดยไม่หวาดหวั่นอันตรายใดๆ

ยิ่งนานวันไปผมก็ยิ่งพบว่า พระองค์ทรงเป็นหลักชัยของแผ่นดินที่แท้จริง…ทรงรักประชาชนอย่างแท้จริง และประชาชนชาวไทยก็รักท่านอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในวันที่ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัยนั้น เป็นวันที่หัวใจคนไทยแทบแหลกสลายตามไปด้วย

เนื่องในโอกาสที่วันพ่อแห่งชาติเวียนมาบรรจบในวันนี้ ผมขอน้อมรำลึกถึงพระคุณและพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของ “พ่อ” ทั้ง 2 ไว้ ณ ที่นี้

พ่อคนแรกของผมจากไปก่อน ขณะที่ผมมีอายุ 40 ปีเศษ แต่ “พ่อของแผ่นดิน” ทรงอยู่เป็นหลักของแผ่นดินสืบมาอีกยาวนานหลายปี

ทรงนำความสุข ความเจริญมาสู่ปวงชนชาวไทย และบ้านเมืองไทยอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้

พระมหากรุณาธิคุณของพ่อแห่งแผ่นดิน และพระคุณของพ่อ หรือ “เด” จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของผมตลอดไป จนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่

ผมตั้งใจว่าจะเข้าไปกราบรูป “เด” ผมในช่วงเช้าวันนี้ และตั้งใจจะไปน้อมรำลึกพระมหากรุณาในหลวง ร.9 ที่ท้องสนามหลวงด้วย หากสามารถไปได้ในช่วงเย็นๆ คํ่าๆ

แต่หากไปไม่ได้ด้วยเหตุใดก็ตาม ผมจะไปยืนที่หน้าจอโทรทัศน์ขณะถ่ายทอดพิธีจากท้องสนามหลวง และเปล่งเสียงแสดงความจงรักภักดีแด่พระองค์ท่านไปพร้อมๆ กับพี่น้องชาวไทย ที่ผมมั่นใจว่ามีจำนวนกว่าค่อนประเทศในวันนี้ที่ยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล.

“ซูม”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช, ในหลวง ร.9, พ่อ, วันพ่อ, ซูมซอกแซก