ผมยอมรับว่าผมถึงกับสะดุ้งและอุทานคำว่า “เฮ้ย!” ออกมาดังๆ เมื่อไปเปิดเว็บข่าวต่างๆ ตอน 5 โมงเย็นกว่าๆ ของวันอังคารที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา แล้วเห็นพาดหัวยักษ์ของทุกสำนักว่า “ด่วน! ปรีดี ดาวฉาย ไขก๊อก ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง”
มีข่าวแพร่สะพัดออกมาก่อนตั้งแต่บ่ายโมง และต่อมาเว็บข่าวบางเว็บพาดหัวยืนยันประมาณบ่าย 3 โมง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผมออกไปทำธุระนอกโรงพิมพ์ กว่าจะกลับมาก็ 5 โมง อย่างที่ว่า
พอนั่งโต๊ะปุ๊บก็เปิดคอมพิวเตอร์ปั๊บ พร้อมกับเกิดอาการสะดุ้งโหยง และเปล่งเสียงอุทานอย่างลืมตัวดังที่เขียนเกริ่นไว้
จะไม่ให้สะดุ้งและอุทานได้อย่างไร เพราะคุณ ปรีดี ดาวฉาย เพิ่งเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังได้เพียง 21 วันเท่านั้นเอง
ที่สำคัญเมื่อตอนที่หนังสือพิมพ์ยืนยันว่า ตำแหน่งนี้เป็นของท่านแน่นอน ผมก็หยิบมาเขียนแสดงความยินดีกับท่านยาวเหยียด
เล่าให้ท่านผู้อ่านทราบว่าผมรู้จักท่านมานานมาก เคยพูดเคยคุยเคยสัมภาษณ์กันมานับเป็นสิบๆ ครั้งทั้งในเรื่องการงานและเรื่องส่วนตัว
ผมเขียนไว้ด้วยว่าท่านเคยผ่านภาวะวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” เมื่อปี 2540 มาแล้วในฐานะขุนพลคนหนึ่งของธนาคารกสิกรไทยและได้ร่วม ทีมกับคณะผู้บริหารกสิกรไทยใน พ.ศ.ดังกล่าวฝ่าฟันวิกฤติมาได้ในที่สุด
นับว่าเป็นนักรบที่ผ่านศึกผ่านสงครามมาแล้วแม้สงครามครั้งนั้นจะเล็กกว่าสงครามปัจจุบันหลายเท่า…แต่การที่เราได้บุคคลที่มีประสบการณ์มาบ้างเช่นนี้ ย่อมจะดีกว่าได้นักการคลังประเภทนักวิชาการหรือ แตกฉานในตำราแต่ขาดประสบการณ์ในทางปฏิบัติอย่างแน่นอน
ผมจึงสรุปข้อเขียนด้วยการให้กำลังใจและฝากความหวังไว้กับท่านว่าจะสามารถนำพาประเทศไทยของเราให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้
คนเราเมื่อตั้งความหวังเอาไว้มากแค่ไหนก็ย่อมจะรู้สึกผิดหวังมาก แค่นั้น เมื่อคนที่เราฝากความหวังไว้ชิงลาออกเอาเสียดื้อๆ เช่นนี้
ผมไม่แน่ใจว่าสาเหตุแห่งการลาออกที่แท้จริงของท่านคืออะไร? หากเป็นเรื่องสุขภาพที่มีข่าวว่าท่านมีปัญหาเรื่องเส้นโลหิตในสมองตีบจนเกิดอาการแขนชา จนต้องไปปรึกษาแพทย์ ผมก็เห็นใจและเข้าใจ
คนเราทุกคนจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเอาไว้ก่อน และถ้าหากอาการหนักขนาดนั้นก็สมควรละครับที่จะต้องรีบลาออกไปพักผ่อนรักษาตัวเอง
เผอิญมีข่าวว่าท่านเสนอชื่อผู้บริหารระดับสูงที่จะดำรงตำแหน่งแทนผู้เกษียณของกระทรวงการคลังไปคนละทางกับท่านรัฐมนตรีช่วยของท่าน จนถึงกับต้องไปถกเถียงกันใน ครม. และบิ๊กตู่สั่งให้ถอนไปก่อน
แม้ในการประชุมครั้งล่าสุด ครม.จะมีมติแต่งตั้งบุคคลตามที่คุณปรีดีเสนอแล้วก็ตาม แต่จากอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชของท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการตามที่มีเสียงร่ำลือกันก็ยังทำให้นักวิเคราะห์การเมืองไม่เชื่อสนิทใจนักว่าการลาออกของคุณปรีดีเป็นเพราะเรื่องสุขภาพอย่างเดียวเท่านั้น
ก็เอาเถอะเมื่อลาออกแล้วตำแหน่งว่างแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของบิ๊กตู่ ที่จะต้องสรรหาและแต่งตั้งคนใหม่มาแทนต่อไปและควรจะรวดเร็วด้วย
แต่ก็อย่างที่เราทราบ…ไม่ค่อยจะมีนักเศรษฐศาสตร์หรือนักการเงิน การคลังประสงค์จะเข้ามารับตำแหน่งเท่าไรนัก…เมื่อคราวที่แล้วก็เชิญไว้หลายๆ ท่านปฏิเสธหมดทุกท่าน…กว่าจะได้คุณปรีดีเล่นเอาเหนื่อย
ก็ลองดูครับว่า “บิ๊กตู่” จะสามารถสรรหาใครมาได้บ้าง…ผมเอง ก็นึกไม่ออกแล้วละครับ เพราะคราวที่แล้วเสนอไปหลายชื่อเหมือนกัน ไม่มีใครยอมรับเลยสักคนเดียว
ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ทาง ศบค.แถลงว่าการติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มี 8 ราย แต่ก็เป็นการติดจากสถานที่กักตัวทั้งสิ้น
แสดงว่าไม่มีการติดเชื้อใหม่ภายในประเทศครบ 100 วันพอดี! ถือว่าประเทศไทยของเราผ่านหลักไมล์ที่สำคัญไปได้อย่างน่าพอใจ
เราเอาชนะเวียดนามที่ทำสถิติปลอดเชื้อในประเทศติดต่อกัน 99 วันได้แล้ว…และไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนี้เราน่าจะแซงนิวซีแลนด์ที่ทำสถิติปลอดเชื้อในประเทศ 102 วันลงได้
ในทางสู้โควิด-19 ถือว่ารัฐบาลทำได้ดีพอใช้…แต่ในทางที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจยังลูกผีลูกคนอยู่ครับ…แค่จะหานักการคลังมือดีสักคนยังหาไม่ได้เลย ที่หามาได้แล้วก็มีปัญหาสุขภาพจนต้องลาออกกลางคันซะอีก
จะมี “ฮีโร่” ตัวจริงเสียงจริงที่ไหนสักคนมาช่วย “บิ๊กตู่” และ ประเทศไทยของเราบ้างไหมเนี่ย?
“ซูม”
