ต้องรวมใจแบบสู้ “โควิด” จึงจะกู้ “เศรษฐกิจ” ได้สมหวัง

เมื่อ 2 วันก่อน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประเทศนิวซีแลนด์ ได้ผ่านหลักไมล์ที่สำคัญประการหนึ่งคือ ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศครบ 100 วันไปเรียบร้อยแล้ว

ผมอ่านข่าวชิ้นนี้ด้วยความดีใจกับรัฐบาลนิวซีแลนด์และคนนิวซีแลนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการสู้รบตบมือกับเจ้าไวรัสมหาภัยโควิด-19 จนได้รับชัยชนะและได้รับการกล่าวขวัญยกย่องทั้งจาก WHO และสำนักข่าวต่างประเทศทุกสำนัก

อย่างไรก็ตาม ในวันที่นิวซีแลนด์ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศครบ 100 วันติดต่อกันนั้น…ของบ้านเราก็ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศติดต่อกันกว่า 70 วัน แพ้เขาอยู่ 20 กว่าวันเท่านั้นเอง

อย่างที่ทราบแหละครับ นิวซีแลนด์กับเราได้รับการคัดเลือกจาก WHO นำผลงานไปเผยแพร่ในฐานะประเทศที่ “บริหารจัดการ” โควิด-19 ได้ดีที่สุด หากนิวซีแลนด์ได้เป็นแชมป์โลกในเรื่องนี้ เราก็คงได้เป็นรองแชมป์โลกหรืออะไรประมาณนั้น

ผมไม่ได้ดูคลิปสารคดีที่ WHO มาถ่ายทำเบื้องหน้าเบื้องหลังความสำเร็จของไทย จึงไม่ทราบว่าเขาสรุปถึงสาเหตุหรือเหตุผลของความสำเร็จไว้อย่างไรบ้าง

แต่จากข้อสังเกตส่วนตัวของผมเองพบว่าความสำเร็จอันใหญ่หลวงของเราเกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจและร่วมปฏิบัติอย่างเป็นหนึ่งเดียวของทุกๆ ฝ่ายในประเทศ

โดยเฉพาะในส่วนของประชาชนชาวไทยนั้นเกือบจะเรียกได้ว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่เราจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลมากเท่าครั้งนี้

รัฐบาลโดย ศบค.และกระทรวงสาธารณสุขขอให้คนไทยทำอะไรคนไทยก็ทำตามหมด โดยไม่ขัดขืนและไม่กังขาเสียด้วย

ท่านขอให้เราหยุดอยู่กับบ้านเราก็หยุด ท่านขอให้เราทำงานที่บ้านเราก็ทำ ท่านขอให้เรารักษาระยะห่างเราก็รักษา ขอให้ล้างมือบ่อยๆ เราก็ล้าง ขอให้พกเจล พกแอลกอฮอล์ติดตัว ขอให้สวมหน้ากาก เราก็พกเราก็สวมด้วยความเต็มใจ

แน่นอนละกระทรวงสาธารณสุข เป็นกระทรวงที่มีระบบดีที่สุด ทำงานเก่งกว่าทุกกระทรวง ดังที่ผมเขียนยกย่องในคอลัมน์นี้บ่อยครั้ง

แต่จะเก่งฝ่ายเดียวไม่ได้แน่นอน ถ้าประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ

ซึ่งทางกระทรวงเองก็ทราบดี และยอมรับว่าความสำเร็จครั้งนี้มาจากความร่วมมือของประชาชนทั้งประเทศ

โดยเฉพาะคำว่า “การ์ดอย่าตก” ของท่านก็หมายถึงการ์ดของประชาชนนั่นเอง เพราะประชาชนการ์ดไม่ตก เราจึงจะเอาชนะโควิดได้ …ภาครัฐเสียอีกกลับการ์ดตกในหลายๆ ครั้ง แต่โชคดีที่ไม่เสียหายอะไรมากนัก

เอาละเรากำลังจะผ่าน “สงครามโควิด-19” ไปแล้ว…แม้จะยังต้องระวังตัวแบบการ์ดไม่ตกต่อไปอีก แต่ทุกอย่างจะค่อยๆ คลี่คลาย

จากนี้ไปก็ได้เวลาที่จะทำสงครามกับผลพวงของเจ้าโควิดกันละนั่นก็คือ “สงครามเศรษฐกิจ” เพื่อฟื้นฟูความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง

การจะเอาชนะศึกเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ รัฐบาลไทยและทุกภาคส่วนในประเทศไทยรวมถึงตัวพวกเราประชาชนจะต้องร่วมแรงร่วมใจและร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นแบบเดียวกับที่เรารวมตัวกันสู้โควิด

ประเด็นที่น่าเป็นห่วงก็คือ มาถึงจุดนี้การรวมตัวของคนไทยดูจะยากขึ้น เพราะเกิดความขัดแย้งแตกแยกมองไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งความจริงก็มีมานานแล้ว แต่มาเริ่มระอุในช่วงนี้พอดี

จะทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ยากอยู่แล้วยากลำบากยิ่งขึ้น

หยิบหนังสือพิมพ์เช้านี้ขึ้นมาอ่านจะเจอแต่ข่าวประท้วงที่โน่นที่นี่ …คนแก่คิดไปอย่าง คนหนุ่มคนสาวคิดอีกอย่าง…ล่าสุดการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ่านข่าวแล้วก็ไม่สบายใจอย่างยิ่ง

ผมถึงได้เป็นห่วงว่าการกู้เศรษฐกิจน่าจะยากกว่าสู้โควิด เพราะสถานการณ์ดูเหมือนว่าการรวมตัวรวมใจเป็นหนึ่งของเราแทบไม่มีเลย

ทำอย่างไรเราจะหันกลับมารวมกันได้ และช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจคนละมือคนละไม้ตามหน้าที่ เหมือนดังที่เราประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในการสู้กับเจ้าไวรัสมหาภัย?

นี่คือโจทย์ใหญ่เหลือเกินของประเทศไทย ณ นาทีปัจจุบัน!

“ซูม”

ผู้ติดเชื้อโควิด-19, สงครามโควิด-19, สงครามเศรษฐกิจ, การ์ดอย่าตก, ซูมซอกแซก