จากเหตุระเบิดครั้งใหญ่บริเวณท่าเรือ ที่กรุงเบรุต เมืองหลวงของประเทศเลบานอน เมื่อช่วง 6 โมง เย็นวันอังคารที่ 4 สิงหาคม 2563 (เวลาท้องถิ่น หรือเวลาประมาณ 4 ทุ่มของประเทศไทย)
สถานการณ์ล่าสุด ได้รับแจ้งว่ายังมีผู้สูญหายอีกกว่า 100 ราย โรงพยาบาลในกรุงเบรุต 4 แห่งถูกแรงระเบิดทำลายจนไม่สามารถใช้ได้
ซึ่งทางประเทศต่างๆ อาทิรัสเซีย ฝรั่งเศส การ์ตาร์ คูเวต และจอร์แดนได้ส่งเครื่องบินพร้อมหมอ และอุปกรณ์พยาบาลมาช่วยมากมาย คาดว่าจะถึงภายในวันพฤหัสบดีนี้ และจะสามารถจัดตั้งโรงพยาบาลสนามได้ 6-8 โรงพยาบาล
และจากการระเบิดในครั้งนี้ทำให้ประชาชนในกรุงเบรุตไม่มีที่อยู่กว่า 300,000 ราย
ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 80 ราย ผู้บาดเจ็บอีกกว่า 4,000 ราย
นอกจากนี้การระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณท่าเรือนอกจากจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศเลบานอนแล้ว ยังได้ทำลายแหล่งเก็บอาหาร เก็บข้าว เก็บแป้ง ของชาวเลบานอนอีกด้วย
สาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้ยังสรุปไม่ได้ ต้องมีการสอบสวนต่อไป แต่ตอนนี้มุ่งเป้าไปที่ การระเบิดของ “แอมโมเนียม ไนเตรต” 2,750 ตัน ที่ถูกบังคับให้นำมาเก็บไว้ภายในโกดังบริเวณท่าเรือ ตั้งแต่ปี 2013 โดยบริษัทขนส่งสัญชาติรัสเซีย ที่เดินทางจากประเทศจอร์เจีย ไปประเทศโมซัมบิก เนื่องจากมีปัญหาในการขนส่งทางทะเล (น่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัย เพราะแอมโมเนียม ไนเตรตสามารถนำไปสร้างวัตถุระเบิดได้) หลังจากนั้นเจ้าของก็เลยทิ้งเอาไว้ และไม่สนใจอีกต่อไป
ซึ่งทางศุลกากรของเลบานอนก็รู้ว่าเป็นอันตราย และได้ส่งจดหมายไปถามศาลหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ปี 2013 ว่าจะให้ทำยังไงกับแอมโมเนียม ไนเตรตเหล่านี้ดี จะให้ทหารมาเอาไป หรือจะให้ขายต่อดี ซึ่งก็ไม่มีการตอบกลับจนถึงปัจจุบัน และในที่สุดกลายเป็นเหตุการณ์การระเบิดครั้งนี้
ทีมงานซอกแซก
อ้างอิง : aljazeera.com
ขอบคุณรูปภาพ : aljazeera.com, cnn.com