ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ “บิ๊กตู่” ยังมิได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อรัฐมนตรีชุดใหม่นะครับ เพียงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างนิ่งลงแล้ว และน่าจะสรุปได้เกือบๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าใครบ้างจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีแทนท่านเก่าที่ลาออกไป
โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังค่อนข้างจะแน่นอนว่าผู้ที่จะมานั่งเก้าอี้ตัวนี้ได้แก่คุณ ปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย
เหตุที่ใช้คำว่า “แน่นอน” ก็เพราะท่านได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยเรียบร้อยแล้ว ตามเอกสารที่ธนาคารแจ้งแก่ตลาดหลักทรัพย์เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
คนเราที่ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่งที่มีเงินเดือนสูงและการทำงานก็มีความสุขดี มิได้มีเรื่องมีราวหรือปัญหาอุปสรรคใดๆ จะลาออกไปทำไมล่ะ…ถ้าไม่ใช่ลาออกไปสู่การทำงานที่แม้เงินเดือนอาจจะน้อยกว่า แต่มีเกียรติยศและมีศักดิ์ศรีอันเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางของสังคมไทยมากกว่าตำแหน่งเดิม
ซึ่งก็คือตำแหน่งรัฐมนตรีนั่นเอง…และในกรณีของคุณ ปรีดี ดาวฉาย ก็คงจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามที่มีการกะเก็งกันไว้ ส่วนจะได้ตำแหน่งรองนายกฯ แถมให้ด้วยหรือไม่คงต้องรอของจริงที่จะประกาศออกมาก่อนกลางเดือนสิงหาคมอีกครั้งหนึ่ง
ผมขออนุญาตเขียนแสดงความยินดีล่วงหน้าไว้ ณ วันนี้เลยครับ เพื่อที่จะถือโอกาสตอบคำถามของท่านผู้อ่านหลายๆ ท่านที่ถามผมว่า ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชื่อ ปรีดี ดาวฉาย จะโอเคหรือไม่อย่างไร สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน?
โดยความเห็นส่วนตัวของผมเท่าที่เคยสัมภาษณ์พูดคุย และติดตามผลงานของคุณปรีดีมายาวนานเกือบๆ 20 ปี ค่อนข้างมั่นใจครับว่า ชื่อชั้นและผลงานของท่านไม่น่าจะย่อหย่อนไปกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนเก่าที่เพิ่งลาออก
แม้ตามประวัติท่านจะเรียนมาทางด้านกฎหมาย โดยจบนิติศาสตร์เกียรตินิยมอันดับ 2 จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สอบได้เนติบัณฑิตไทยในปีถัดมา และเริ่มงานที่ธนาคารกสิกรไทยในฝ่ายกฎหมาย
แต่จากการที่คุณปรีดีได้ทุนของธนาคารไปเรียนต่อปริญญาโททางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ซึ่งนอกจากจะทำให้ความรู้ทางกฎหมายแตกฉาน จากกฎหมายไทยสู่กฎหมายสากลแล้ว สิ่งที่ได้อีกอย่างคือภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนรู้อย่างอื่นๆ ได้อีกมาก โดยเฉพาะงานทางด้านการเงินการธนาคารที่ท่านทำอยู่
ซึ่งท่านก็ได้โอกาสนั้น ด้วยการโยกย้ายไปสู่งานด้านต่างประเทศควบคุมดูแลธนาคารสาขาในต่างประเทศ แล้วในที่สุดก็เข้าสู่วงจรการเป็นนักการธนาคารเต็มตัว เมื่อมีโอกาสได้รับตำแหน่งสำคัญๆของกสิกรไทย
เช่น ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่ออุตสาหกรรมการผลิตและบริการ และผู้อำนายการฝ่ายควบคุมงานสินเชื่อและหลักประกัน เป็นต้น
ประสบการณ์สำคัญของคุณปรีดีคือการอยู่ในสนามรบที่นองเลือดถึงขั้นสาหัสสากรรจ์ที่สุดของวงการธนาคารมาแล้ว อันได้แก่ สงครามเศรษฐกิจยุค “ต้มยำกุ้ง ปี 2540” นั่นเอง
คุณปรีดีเป็นหนึ่งในขุนพลของ เคแบงก์ ภายใต้การนำของ คุณบัณฑูร ล่ำซำ ที่สามารถผ่านวิกฤติครั้งนั้นมาได้ และในความเห็นของผมถือเป็น “เครดิต” และประสบการณ์ที่สำคัญยิ่ง และค่อนข้างเหมาะสำหรับผู้ที่จะมารับหน้าที่ขุนคลังในวิกฤติครั้งนี้
จริงอยู่…แม้วิกฤติครั้งนี้อาจจะหนักกว่าเป็นหลายๆ เท่า แต่อย่างน้อยคนที่เคยผ่านสงคราม เคยผ่านวิกฤติมาก่อนย่อมได้เปรียบคนที่ไม่เคยผ่านวิกฤติใดๆ มาเลย
จุดนี้แหละที่ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นระดับหนึ่ง เมื่อทราบว่าท่านตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งอันสำคัญยิ่งของธนาคารกสิกรไทย และทิ้งเงินก้อนใหญ่จากงานในอีกหลายๆ ตำแหน่งของท่านเพื่อจะมารับหน้าที่ในการเป็นแม่ทัพสู้ศึกเศรษฐกิจอันหนักหนาสาหัสในครั้งนี้
สรุป…ผมขอต้อนรับ ขอให้กำลังใจ และขอให้โชคดีนำประเทศชาติฝ่าฟันวิกฤติไปให้ได้นะครับ คุณปรีดี ดาวฉาย ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกมาด้วยตัวท่านเอง.
“ซูม”