ตลาดสี่มุมเมือง โชว์ศักยภาพ “อาคารรถผัก” จุดนัดพบเกษตรกรทั่วไทย ใหญ่และทันสมัยที่สุดในไทย จัดเต็มสินค้าดี-ราคายุติธรรม

ตลาดสี่มุมเมือง ศูนย์กลางค้าส่งผัก-ผลไม้ชั้นนำของเอเชีย เป็นตลาดค้าส่งผักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยปริมาณการซื้อขายผักต่อวันที่มากที่สุด ในปริมาณกว่า 6000 ตันต่อวัน ครอบคลุมผักทุกชนิด

ตอกย้ำการช่วยเหลือเกษตรกรฝ่าวิกฤตโควิด-19 โดยมีอาคารรถผักเป็นพื้นที่ซึ่งเปิดให้เกษตรกรนำผลผลิตทางการเกษตร ผักชนิดต่างๆ เข้ามาขายโดยตรง เปิดให้บริการทุกวัน 24 ชั่วโมง เกษตรกรสามารถขับรถนำผลผลิตมาจอดขายผักจากท้ายรถโดยไม่ต้องเช่าแผงค้าประจำ แต่จะเสียค่าธรรมเนียมนำรถเข้าขายผักในตลาด

อาคารรถผักสี่มุมเมืองเป็นศูนย์กลางค้าส่งผักท้ายรถที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นจุดเด่นของตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งแตกต่างจากตลาดค้าส่งผักอื่นๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตทางการเกษตรได้มากขึ้น อาคารมีพื้นที่การค้ากว่า 23,500 ตรม. และมีผู้ค้าและเกษตกรนำรถเข้ามาขายผักกว่า 1500 คันต่อวัน   ผลผลิตจากเกษตรกรทั่วประเทศเข้ามาขาย อาทิ กะหล่ำปลี ผักคะน้า ผักกาดขาว ถั่วฝักยาว พริก ต้นหอม ผักชี ฟักเขียว กวางตุ้ง  ต้นหอม ผักชี  ผักบุ้งจีน เป็นต้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาใช้บริการ อาทิ การติดตั้งระบบระบายอากาศด้วยพัดลมขนาดใหญ่ ระบบพ่นละอองน้ำเพื่อกำจัดฝุ่นและเพิ่มความเย็น และมีแผงอาหารปรุงสำเร็จบริการ เป็นต้น

อาคารรถผัก เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ ระยะที่ 1 ซึ่งเปิดให้บริการ ต้นปี 2562 ประกอบด้วย 6 ตลาด ได้แก่ ตลาดผักปรุงรส  ตลาดผักทั่วไป ตลาดผักพื้นบ้าน ผักคัดบรรจุ ตลาดพืชไร่ ตลาดแผงผักต่างประเทศ และอาคารรถผัก ปัจจุบันถือเป็นตลาดค้าส่งผักอันดับหนึ่งของประเทศไทย จากขนาดพื้นที่และมูลค่าการซื้อขายที่หมุนเวียนต่อวัน

นอกจากความเป็นผู้นำตลาดค้าส่งผักแล้ว สำหรับผลไม้ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน โดยเตรียมเปิดให้บริการ ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ ระยะที่ 2 ซึ่งเป็นตลาดผลไม้ยุคใหม่ ในเดือนตุลาคม 2563 เพิ่มพื้นที่ค้าขายขึ้นอีก 60% รองรับการเติบโตของผู้ซื้อ ผู้ขายของตลาดสี่มุมเมืองที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ตลาดสี่มุมเมือง ศูนย์กลางค้าส่งผักผลไม้ชั้นนำของเอเชีย เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2526 ตั้งอยู่ย่านรังสิต จังหวัดปทุมธานี ด้วยพื้นที่กว่า 320 ไร่ กระจายผักและผลไม้ครอบคลุม 60% ของการบริโภคในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี และนนทบุรี โดยมีปริมาณซื้อขาย 8,000 ตันต่อวัน และมูลค่าการซื้อขายประมาณ 350 ล้านบาทต่อวัน ถือเป็นส่วนสำคัญในการหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานรากทั้งพ่อค้า แม่ค้า แรงงาน และเกษตรกรทั่วประเทศ