ถ้าจำเป็นต้องปรับ ครม. ขอ “มือดี” คุมเศรษฐกิจ

ถึงแม้ “บิ๊กตู่” ท่านจะออกมาปรามเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ใครจะเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ หรือกรรมการพรรคใหม่อย่างไรก็ว่ากันไป แต่อำนาจในการตั้งรัฐมนตรีนั้นอยู่ที่ท่าน และท่านยังไม่มีนโยบายที่จะปรับ ครม.ในช่วงนี้

ทำให้ผู้ที่ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางการเมืองของประเทศไทย และไม่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ค่อยคลายใจลงไปบ้าง

เพราะการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสำคัญๆ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ในช่วงนี้ หากเปลี่ยนไปแล้วได้คนไม่เก่งพอ หรือไม่มีบารมีพอ อาจจะทำให้ภาคเอกชน ทั้งธนาคารต่างๆ และนักลงทุนต่างๆ ขาดความเชื่อถือเชื่อมั่นใน ครม.ชุดใหม่

จะเป็นผลทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งซวนเซอย่างหนัก เพราะพิษโควิด-19 กลายเป็นงานที่ยากขึ้นไปอีกหลายๆ เท่าเลยทีเดียว

ถ้ารัฐบาลจะอยู่นิ่งๆ ร่วมมือกันทำงาน ไม่ทะเลาะกัน ไม่กวนน้ำให้ขุ่น ไม่ทำให้บรรยากาศเสีย งานฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งต้องการทั้งขวัญทั้งกำลังใจแสดงความร่วมมือสนับสนุนจากภาคเอกชนและนักลงทุนก็จะค่อยๆ เดินหน้าไปได้ในที่สุด

แต่มาถึงนาทีนี้ โอกาสปรับคณะรัฐมนตรีทำท่าจะหลีกเลี่ยงยากเสียแล้ว เพราะลำพังแค่พรรคพลังประชารัฐที่จะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารใหม่ และหัวหน้าพรรคคนใหม่แค่พรรคเดียว บิ๊กตู่ท่านก็คงเหนื่อยจะแย่แล้วในการที่จะออกมาเบรกว่า อย่าเพิ่งเปลี่ยนอะไรใหม่เลย

เพราะยังไงๆ เสีย กรรมการบริหารสำคัญๆ คนใหม่ก็คงจะอยากได้ตำแหน่งรัฐมนตรีมาประดับบารมีอย่างแน่นอน ย่อมจะต้องออกแรงกดดันท่านทั้งทางตรงและทางอ้อม

จู่ๆ ก็มีสาเหตุใหม่ขึ้นมาอีกเมื่อ “หม่อมเต่า” หรือ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า ท่านยื่นใบลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มีคุณ สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นหัวหน้าเงาอยู่เบื้องหลังเป็นที่เรียบร้อย

ด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครทราบว่า ลึกๆ แล้วเป็นเพราะอะไรแน่ นอกเสียจากตัวหม่อมเต่าเอง

แต่ก็มีข่าวบางกระแสรายงานว่า ได้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค รปช.เพื่อประเมินผลงาน 1 ปีของหม่อมเต่าในฐานะ รมว.แรงงานได้ผลสรุปว่า หม่อมเต่า “สอบไม่ผ่าน”

โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้คนไทยตกงานหลายล้านคน แต่การดำเนินงานของกระทรวงแรงงานกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้าไม่ทันต่อการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกเลิกจ้าง ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาถึงพรรค

หม่อมเต่าท่านก็เลยน้อยใจ ชิงลาออกจากหัวหน้าพรรคไปเสียก่อน

จะด้วยเหตุใดก็แล้วแต่เถอะ เมื่อหม่อมเต่าลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว พรรคก็จะต้องเลือกหัวหน้าคนใหม่ และมีการเลือกคณะบริหารใหม่ด้วย

ถึงแม้หม่อมเต่าท่านจะยังไม่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี และสามารถดำรงอยู่ได้ตราบเท่าที่บิ๊กตู่ยังไม่มีการปรับ ครม. แต่ก็นั่นแหละ เมื่อทางพรรคเลือกหัวหน้าใหม่ได้แล้ว ย่อมจะเกิดเสียงเรียกร้องทวงคืนตำแหน่งไปให้หัวหน้าพรรคคนใหม่อยู่ดี

ผมเชื่อว่าหม่อมเต่าซึ่งเป็นคนเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของท่านอย่างมาก น่าจะลาออกจาก รมว.แรงงานก่อนจะเกิดการทวงตำแหน่งด้วยซ้ำ

ดูไปแล้วการปรับ ครม.คงจะหลีกเลี่ยงได้ยาก และน่าจะเกิดขึ้นหลังจากการเลือกหัวหน้าพรรคใน 2 พรรคร่วมรัฐบาลเสร็จสิ้นลง

ผมเองแม้จะอยู่ฝ่ายที่เห็นว่าไม่เปลี่ยนอะไรเลยดีที่สุด แต่เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาในลักษณะนี้ก็คงต้องยอมรับล่ะครับว่า การเปลี่ยนแปลงคงจะต้องเกิดขึ้น

ก็คงต้องเตรียมตัวเตรียมใจว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด…ฝากบิ๊กตู่ไว้อย่างเดียว ขอให้เลือก “ขุนเศรษฐกิจ” คนใหม่ที่แข็งขัน มีชื่อเสียง มีบารมีที่ภาคเอกชนได้ยินชื่อร้องฮ้อ! และประชาชนก็ร้องฮ้อเช่นกัน

ขอใช้สำนวนเดิมที่เขียนไปแล้วอีกครั้งว่า กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดีฉันใด…กรุงรัตนโกสินทร์ก็ยังไม่สิ้นนักเศรษฐศาสตร์ นักการคลัง และนักการธนาคารมือดีฉันนั้น…ส่องกล้องดูให้ทั่วๆ เถอะครับบิ๊กตู่ ยังมีอีกตั้งหลายคน! อย่าเผลอไปเลือกคนผิดเข้าล่ะ.

“ซูม”