จีน–สหรัฐฯ “คู่กัด” คู่เก่า กลับสู่ “สงครามเย็น” 2020

ตั้งแต่ผมเป็นเด็กชั้นประถมอยู่ที่ต่างจังหวัด เมื่อ พ.ศ.2494-2495 เกือบๆ 70 ปีที่แล้วก็รู้แล้วว่า จีนกับสหรัฐอเมริกาทะเลาะกัน และออกมาด่าทอกันอยู่ทุกวัน

ช่วงเวลาดังกล่าว จีน กับ โซเวียต 2 ยักษ์ใหญ่ของประเทศ สังคมนิยม จับมือกันเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ออกไปทั่วโลก

ในขณะที่สหรัฐฯ ก็ออกโรงในฐานะพี่เอื้อยของประเทศประชาธิปไตยออกมาต้านลัทธิคอมมิวนิสต์สุดฤทธิ์

ทั้ง 2 ฝ่ายต่างออกมาหาสมัครพรรคพวกและทะเลาะกันทุกวัน–ทำ “สงครามเย็น” ซึ่งแปลว่าแข่งขันกันทุกรูปแบบและทุกๆ ด้าน รวมไปถึงการใช้วาจาด่าทอส่อเสียดจากกระบอกเสียงของทั้ง 2 ฝ่าย และมีการทำสงครามตัวแทนในหลายแห่งหลายที่

“สงครามเกาหลี” เป็นหนึ่งในสงครามตัวแทนระหว่างจีน+เกาหลีเหนือ โดยการสนับสนุนของโซเวียตกับสหประชาชาติ ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ

ตามมาด้วยสงครามก่อการร้ายในแต่ละประเทศที่มีทั้ง 2 ฝ่ายแอบสนับสนุน รวมทั้งในบ้านเราด้วย

กว่าจีนกับสหรัฐฯ จะหันมาคืนดีกันก็ถึงยุค “ปิงปองการทูต” เมื่อทีมชาติปิงปอง หรือเทเบิลเทนนิสของสหรัฐฯ ได้รับเชิญไปแข่งขันเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับทีมปิงปองจีน เมื่อปี 2514 เป็นการปูทางสำหรับการไปเยือนจีนของ ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เมื่อปี 2515

จากนั้นทั้ง 2 ประเทศแม้จะต่างลัทธิ ต่างอุดมการณ์ต่างระบอบการปกครองก็ฟื้นฟูสัมพันธ์ไมตรีกันเรื่อยมา ประเทศจีนก็ผ่อนคลายความเคร่งของระบอบคอมมิวนิสต์หันมาเป็นหนึ่งประเทศ 2 ระบบ ทำให้จีนกับสหรัฐฯ เปิดฉากการค้าขายและการลงทุนเรื่อยมาจนถึงยุคประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในปัจจุบัน

แล้ววันหนึ่งคุณทรัมป์ก็ลุกขึ้นมาประกาศสงครามการค้ากับจีน หลังจากที่เสียเปรียบดุลการค้าแก่จีนไปค่อนข้างมาก

สงครามการค้าเพิ่งจะผ่านยกแรกหลังเจรจากันได้บางส่วนก็เกิดกรณีโควิด-19 ที่ระบาดขึ้นก่อนที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน

แรกๆ ก็ไม่มีอะไร ประธานาธิบดีทรัมป์ให้กำลังใจจีน เอาใจช่วยขอให้เอาตัวรอดจากโควิด-19 แต่พอเจ้าไวรัสร้ายสายพันธุ์นี้ระบาดไปถึงสหรัฐอเมริกา ทำให้คนอเมริกันตายเป็นเบือ คุณทรัมป์ก็หันมาโทษจีน

จากการกล่าวโทษเบาๆ กลายเป็นหนักจนถึงขั้นกระทรวงต่างประเทศจีน ต้องสวนกลับมาว่า สหรัฐฯ กำลังจะกลับไปสู่ยุค “สงครามเย็น” กับจีนอีกแล้วหรือ

ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงเดินหน้าต่อ ไม่เพียงแต่จะอัดจีนเรื่องโควิด-19 เท่านั้น ยังเตรียมออกกฎหมายกำหนดให้บริษัทต่างชาติที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต้องมีการรับรองที่ชัดเจนว่าปราศจากการควบคุม หรือบริหารโดยรัฐบาลต่างชาติ โดยให้ผู้ตรวจสอบของสหรัฐฯ เข้าไปตรวจสอบได้

ว่ากันว่ากฎหมายฉบับนี้ก็เพื่อเล่นงานบริษัทจากประเทศจีนโดยตรง

ที่ร้ายกว่านั้น คุณทรัมป์ยังลงนามในประกาศปกป้องงานวิจัยสำคัญของมหาวิทยาลัยต่างๆ ด้วยการระงับการเดินทางเข้าประเทศของนักศึกษาชาวจีนบางส่วน ที่ถูกระบุว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ

จะเป็นผลให้นักศึกษาจีน 3,000-5,000 คน (จากทั้งหมด 360,000 คนในสหรัฐฯ) จะต้องถูกส่งตัวกลับบ้าน และนักศึกษาที่จะเดินทางไปใหม่ก็จะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดก่อนได้รับวีซ่า

ที่สำคัญกระแสการโทษจีนกรณีโควิด-19 ได้ทำให้คนอเมริกันจำนวนมากหลงเชื่อ และหันมาโทษและโกรธจีนตามไปด้วย ถึงขั้นออกมาแสดงความรังเกียจคนจีน และคนเอเชียที่เขามองว่าเป็นคนจีนอย่างกว้างขวางทั่วประเทศในขณะนี้

ตัวอย่างเพียงเท่านี้ก็เต็มคอลัมน์แล้วครับ ทั้งๆ ที่ยังมีอีกหลายๆ ประเด็น หลายๆ ข้อกล่าวหาที่ยังไม่ได้เขียนถึง

ทำให้เชื่อได้ว่า “สงคราม” สารพัดที่หยิบยกมาข้างต้นระหว่าง สหรัฐฯ กับจีนจะไม่มีวันหยุดแน่นอน ถ้าคุณทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง

ที่น่าห่วงก็คือ…มีรายงานว่า นโยบายอัดจีนทุกรูปแบบก็ได้ผลเสียด้วย ทำให้คะแนนเสียงของทรัมป์ตีตื้นกลับมาเยอะ จากการสำรวจล่าสุด

ก็แล้วแต่ฟ้าลิขิต…หากคุณทรัมป์ได้กลับมาจะทำ “สงคราม” อะไร แบบไหนก็ว่าไป…ขออย่างเดียวอย่าทำ “สงครามจริง” ประเภทยิงเปรี้ยงปร้างๆ ก็แล้วกันครับ แค่นี้โลกก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว.

“ซูม”