สายการบินแห่งความหลัง จาก “บินไทย” ถึง PanAm

จากข่าวใหญ่ประจำสัปดาห์กรณีรัฐบาลตัดสินใจส่ง “สายการบินไทย” เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูตามกระบวนการของศาลล้มละลาย ที่ทำให้แฟนคลับของสายการบินแห่งชาติโล่งอกโล่งใจไปตามๆ กัน เพราะด้วย วิธีนี้จะทำให้การบินไทยยังคงบินต่อไปได้ และเมื่อฟื้นฟูปรับโครงสร้างใหม่และดำเนินการกันต่อไปสัก 3-4 ปี ก็อาจจะกลับมามีกำไร และมีชื่อเสียงโด่งดังดังเช่นในอดีตอีกครั้ง

หัวหน้าทีมซอกแซกก็พลอยดีใจไปกับเขาด้วยนะครับ เพราะเป็นแฟนคลับของการบินไทยมากว่า 50 ปีแล้ว เนื่องเพราะมีความหลังฝังใจที่ดีงามต่อสายการบินแห่งนี้มาตั้งแต่ประมาณต้นๆ เดือนมกราคม พ.ศ.2511 หรือ 52 ปีก่อนโน้น มาจนถึงปัจจุบันชนิดไม่เคยลืมเลือน

ในห้วงเวลาดังกล่าวหัวหน้าทีมซึ่งอายุยังเพียง 20 กว่าๆ ได้ทุนรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้แก่ รัฐบาลไทยไปเรียนโทที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด ต้องเดินทางหลายวันกว่าจะถึง และพักเป็นช่วงๆ

เช่น จากกรุงเทพฯ ถึงโตเกียว (พัก 1 คืน) จากโตเกียวไปฮอนโนลูลู (ฮาวาย พักรอเครื่อง 2 คืน) แล้วจึงเดินทางไปรายงานตัวที่วอชิงตัน ดี.ซี. เรียนรู้วัฒนธรรมอเมริกันอยู่ประมาณ 10 วัน (เราเรียกกันว่าล้างสมอง) ก่อนเดินทางต่อไปรัฐโคโลราโดในที่สุด

ช่วงการเดินทางที่มีความสุขที่สุด อิ่มหนำ สำราญที่สุด และเมาที่สุด (วิสกี้ ไวน์พร้อม) ก็คือ ช่วงระหว่างกรุงเทพฯ ถึงโตเกียวที่ไปกับสายการบินไทยนี่แหละครับ

ณ พ.ศ.2511 การบินไทยได้ดำเนินธุรกิจโดยหุ้นกับสายการบิน SAS หรือสแกนดิเนเวียน แอร์ซิสเต็มมาครบ 8 ปี หลังจากก่อตั้งบริษัทเมื่อ พ.ศ.2503 และประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้รับคำชมจากผู้โดยสารและสื่อต่างประเทศว่าเป็นสายการบินที่ให้บริการดีที่สุดในเอเชีย (เพราะเรายังบินแต่ในเอเชีย อย่างไกลสุดก็คือญี่ปุ่น)

ยังจำได้ถึงความอ่อนหวาน เป็นกันเองและเสิร์ฟไม่อั้น (ยุคนั้นยังไม่มีข้อจำกัด) แม้ผู้โดยสารชั้นประหยัดก็ยังได้รับบริการเต็มที่จากพนักงานต้อนรับสาว (จริงๆ) ของการบินไทย ซึ่ง เมื่อหัวหน้าทีมเปลี่ยนไปขึ้นสายการบินอื่นๆ หลัง

จากนั้นก็ไม่พบบริการอันเยี่ยมยอดเช่นนี้อีกเลยจากนั้นด้วยหน้าที่การงานและภารกิจ ส่วนตัว ทำให้หัวหน้าทีมซอกแซกมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศนับร้อยครั้งตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังเป็นการเดินทางกับ การบินไทยนั่นเอง

แม้จะรู้สึกว่าครั้งหลังๆ ความประทับใจและ พึงพอใจจะลดลงไปบ้าง แต่ในแง่ความรู้สึกอบอุ่นใจ นั้นยังเหมือนเดิมทุกประการ เพราะก้าวแรกที่ขึ้นเครื่องการบินไทยก็เหมือนกลับถึงบ้านแล้วจากการได้อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทยและฟังเพลงไทยที่บรรเลงเบาๆ ขณะเราเดินหาที่นั่ง

เมื่อได้ทราบข่าวว่าการบินไทยจะยังไม่ล่มสลาย เพียงแต่จะต้องทำงานหนัก และเหนื่อย ภายใต้กระบวน การฟื้นฟู ก็รู้สึกอิ่มเอิบใจ จนต้องหยิบมาเขียนถึงในซอกแซกสัปดาห์นี้อีกครั้ง

ที่สำคัญข่าวนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้หัวหน้าทีมซอกแซกระลึกความหลังเมื่อ 52 ปีก่อน อันได้แก่การเดินทางไปต่างประเทศ ครั้งแรกในชีวิตกับสายการบินไทยเท่านั้น ยังพลอย นึกถึงสายการบินอื่นๆ ในยุคโน้นอีกด้วย

ใน พ.ศ.2503 ซึ่งเป็นปีที่ก่อตั้งสายการบินไทยขึ้นนั้น มีสายการบินจากต่างประเทศมาเปิดกิจการในประเทศไทยคือนำเครื่องบินมาลงที่ดอนเมือง และเปิดขายตั๋วรวมแล้วเกือบหรือกว่าสิบสายการบินเท่าที่พอจะนึกออก

หลักๆ ก็มี Pan Am หรือแพนแอม สายการบินของสหรัฐอเมริกาที่โฆษณาว่าบินไกลถึงอเมริกาและทั่วโลก ตามมาด้วย TWA ของอเมริกา เช่นกัน และบินไกลไปทั่วโลกเช่นกัน

นอกจากนั้นก็มี BOAC ของอังกฤษ, KLM ของดัตช์ หรือฮอลแลนด์, SAS ของกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ที่มาเข้าหุ้นกับการบินไทย, SWISS AIR ของสวิตเซอร์แลนด์, Air France ของฝรั่งเศส, Lufthansa ของเยอรมนี ฯลฯ

ของประเทศในเอเชียเราก็มี JAL หรือเจแปน แอร์ไลน์ส จากญี่ปุ่น, AIR INDIA จาก อินเดีย, Garuda จากอินโดนีเซีย ตามมาด้วย SINGAPORE AIRLINES ของสิงคโปร์

เหตุที่หัวหน้าทีมซอกแซกจำได้ เพราะเป็นแฟชั่นของคนไทยใน พ.ศ.ดังกล่าวด้วย ที่จะ ไปไหนมาไหนด้วยการสะพาย “กระเป๋า” ของ สายการบินต่างๆ ดังเช่นการสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมในปัจจุบัน

ในยุคก่อนผู้คนที่จะเดินทางไปต่างประเทศเมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วจะได้รับแจกกระเป๋าสัญลักษณ์ของสายการบินมาด้วย 1 ใบ พร้อมตั๋ว

ต่อมาเมื่อเกิดความนิยมขึ้น โดยเฉพาะหนุ่มๆ สาวๆ นิสิต นักศึกษามหาวิทยาลัยนิยมสะพายกันมากขึ้น ทางตัวแทนสายการบินจึงเปิดจำหน่ายกระเป๋าลูกละ 100 บาท บ้าง 200 บ้าง โดยไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วเครื่องบิน

กระเป๋ายอดนิยมเท่าที่จำได้ก็คือของ Pan Am ซึ่งจะเป็นสีฟ้า SWISSAIR สีแดงพื้นขาวตามมาด้วย TWA สีแดง และ Lufthansa ที่มีสีเหลืองแต้มอยู่ด้วยบางส่วนความนิยมสะพายกระเป๋าสายการบินใช่ว่าจะฮิตเฉพาะนิสิต นักศึกษาเท่านั้น แต่ยังฮิตไปถึงประชาชนทั่วไปด้วย มีการทำของเทียมออกขายตามร้านกระเป๋าต่างๆ เต็มไปหมด ทั้งตลาดประตูนํ้าและบางลำพู

อย่างไรก็ดี การสะพายกระเป๋าสายการบิน น่าจะเป็นเทรนด์ฮิตของหนุ่มสาวไทยอยู่จนถึงยุค 14 ตุลาคม 2516 จากนั้นก็ค่อยๆ หายไป และ เมื่อคนหนุ่มคนสาวเลิกฮิต ประชาชนทั่วไปก็เลิกฮิตไปด้วยเช่นกัน ในที่สุดกระเป๋า (สายการบินปลอม) ก็หายไปจากท้องตลาดโดยสิ้นเชิง จากบัดนั้นจนถึงบัดนี้

สำหรับสายการบินเจ้าของกระเป๋าที่เคยโด่งดังข้างต้นก็ปรากฏว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็มีทั้ง “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป” ตาม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า…เพราะหลายๆบริษัท หรือหลายๆ สายได้ล้มหายตายจากไปเรียบร้อย

เอาเป็นว่าสัปดาห์หน้าเรามาซอกแซกเรื่องสายการบินกันต่ออีกสัปดาห์ดีกว่า…คือจะลองไปสำรวจกันเลยครับว่า รายชื่อสายการบิน ดังๆ ที่คนไทยรู้จักคุ้นเคย รวมทั้งเคยสะพายกระเป๋ากันมาแล้วนั้น ใครบ้างที่ยังอยู่ และใครบ้างที่ลาลับไปเรียบร้อย ณ ปัจจุบัน?

“ซูม”